อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 3/5

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 3/5

โลงมีผ้ามัดตราสังข์ไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า อุษาเกาะโลงโผล่เข้าไปมองอย่างดีใจ
“คุณน้าขา ษามาช่วยคุณน้าแล้ว..คุณน้าฟื้นซีคะ”

เงาร่างลั่นทมดีใจ ‘ษา หลานมาช่วยน้าแล้ว เร็วๆ พาน้าออกไป น้ายังไม่ตาย ษาได้ยินมั้ยน้ายังไม่ตาย’
“คุณน้ารอเดี๋ยวนะคะ ษาจะช่วยคุณน้าเอง” อุษาหยิบกรรไกรตัดผ้าที่พันหน้าลั่นทมออก ผ้าค่อยๆ หลุดออกทีละชิ้น ในที่สุดเห็นใบหน้าลั่นทมชัดเจน ใบหน้าลั่นทมยังสดใสไม่มีเค้าของคนตาย อุษาดีใจมาก “เห็นมั้ย” อุษาบอกกับธารินทร์ “หน้าตาคุณน้ายังสดใสอยู่เลย”
อุษาทำท่าจะตัดสายสิญจน์ “ษาตัดสายสิญจน์มัดมือออกนะคะ”
“อย่าเชียวนะคุณ อย่าตัดสายสิญจน์ เกิดคุณนายตายแล้ว จริงๆ ตัดออกเกิดเรื่องแน่”
“แต่คุณน้าลั่นทมยังไม่ตายค่ะ ษาจะตัด” อุษาลงมือตัดสายสิญจน์ที่มัดร่างลั่นทมออก ลั่นทมนอนสงบนิ่ง เงาร่างลั่นทมพยายามดิ้นรน
‘ษา..ษาจ๋า ขอบใจมาก ษาช่วยให้น้าหายใจคล่องขึ้นหน่อยแล้ว รีบเอาน้าออกไปจากที่นี่เร็วๆ รีรออะไรอยู่ล่ะ น้ากลัว’
อุษาจับมือลั่นทมไว้ พร่ำบอกกับลั่นทม “คุณน้าคะ ได้ยินษามั้ยคะ ลุกขึ้นอย่างที่เคยมาแล้วซีคะ”
มือลั่นทมในมืออุษานิ่งสนิทไม่มีทีท่า “พยายามหน่อยค่ะคุณน้า กระดิกนิ้วซักนิ้วก็ยังดี” อุษาถึงกับน้ำตาไหลซึมอย่างผิดหวัง
เงาร่างลั่นทมคร่ำครวญ ‘โธ่ษา น้าทำแล้วทำอยู่นี่ไงแต่มันไม่กระดิกเลย’
ทุกคนเงียบ เศร้า
“ปิดฝาโลงเถอะ เดี๋ยวเจ้าอาวาสมาเห็นเข้าจะยุ่งคุณก็เห็นแล้วว่าศพไม่ฟื้นแน่”
“คุณน้าคะ..ษาพยายามแล้วนะคะ พยายามอย่างที่สุดแล้ว” อุษาร้องไห้ “ทำไมคุณน้าไม่พยายามละคะ คุณน้า โธ่...คุณน้า”
ธารินทร์เข้ามาประคองอุษาออกห่างจากโลงอย่างสงสาร
“พอเถอะครับษาอย่ารบกวนคุณน้าอีกเลย ท่านไปสบายแล้ว”
เงาร่างลั่นทม ดิ้นรน
‘ไม่..ไม่นะอย่าเพิ่งทิ้งน้าไป อย่าไป อย่าปิดฝาโลงพาฉันไปด้วย ฉันยังไม่ตาย’
หมอผันมองดูลั่นทม “ดูท่าแล้วคราวนี้คงตายจริงๆ ดูสิไม่มีทีท่าจะฟื้นเลยเฮ้อ ปิดฝาโลงเถอะ”
เงาร่างลั่นทมตะโกน ‘อย่า อย่าพึ่งปิด อย่าพึ่งทิ้งฉันไปฉันกลัวอย่านะ อย่าปิด’
อุษาสะอื้น ปล่อยให้ผันกับสัปเหร่อปิดฝาโลง “ไม่ต้องตอกตะปูนะคะ ปล่อยไว้ยังงั้น”
สัปเหร่อ ธารินทร์ และหมอผันช่วยกันยกโลงศพไว้บนแท่นตามเดิม
เงาร่างลั่นทมตะโกนก้อ ‘เอาฉันออกไป..อย่าทิ้งฉันไว้..ฉันกลัว’
สัปเหร่อ อุษา หมอผัน และธารินทร์พากันล่าถอยออกมา
“ออกไปเถอะ อยู่นานแล้วเกิดท่านเจ้าอาวาสมาจริงๆ เรื่องจะไปกันใหญ่”
อุษามองโลงศพลั่นทมอย่างเป็นห่วงเป็นใยก่อนจะลาจาก
อุษาสั่งลาปนสะอื้น “คุณน้าขา ษาไปก่อนนะคะ”
เงาร่างลั่นทมตะโกนลั่น ‘อย่าทิ้งน้าอุษา อย่า..ช่วยน้า..น้ากลัวจะเป็นบ้าอยู่แล้ว กลับมาก่อนกลับมา’
ทุกคนพากันเดินออกมา เงาร่างลั่นทมเบาลงๆ เห็นโลงศพนิ่งสงบ

ในห้องนอนลั่นทม ชีพเปิดกล่องใส่เพชรนิลจินดาของลั่นทมให้รสสุคนธ์ดู รสสุคนธ์ตะลึง
“โอ้โฮ ทำไมมันมากมายยังงี้คะ”
“ลั่นทมใช้เวลานานมากในการสะสมของพวกนี้”
รสสุคนธ์หยิบขึ้นมาสำรวจทีละชิ้นอย่างปลาบปลื้ม “อุ๊ยตายอันนี้ก็สวย..อันนี้ก็สวย โอ๊ยสวยทุกอันเลย”
รสสุคนธ์ชม้อยตามองชีพ เสียงหวานออดอ้อน “ชีพขาของพวกนี้”
ชีพพยักหน้า “จ้ะต่อไปมันจะเป็นของเธอ”
รสสุคนธ์ดีใจโผเข้ากอดชีพ “ขอบคุณค่ะขอบคุณมาก รสจะตอบแทนคุณชีพจะทำให้คุณมีความสุข...จะทำทุกอย่างที่คุณชีพต้องการ”
ชีพมองยิ้มๆ “ดี ถ้าอย่างนั้นฉันมีเรื่องจะขอร้อง”
“บอกมาได้เลยค่ะรสจะทำทุกอย่าง”
“ฉันอยากให้เธอลงไปอยู่กับแม่หวานก่อน”
“ทำไม...หรือว่าคุณคิดจะให้รสเป็นแค่เมียลับๆ รสไม่ยอมนะ”
ชีพถอนใจ “ไม่ใช่ยังงั้นแต่ฉันไม่อยากให้ใครนินทาเรา นี่เพิ่งจะคืนแรกเองถ้ารสรักฉันรสก็ต้องเข้าใจ”
รสสุคนธ์กระฟัดกระเฟียดหันข้างให้อย่างงอนๆ
ชีพเชยคางรสให้หันกลับมา “นะคนดี อย่าดื้อสิ” ชีพเสียงแข็งขึ้น “ฉันไม่ชอบคนดื้อ”
รสสุคนธ์อึ้งรีบซบกับอกชีพต่อรอง “แต่”
“นังรส นังรส”
“เห็นมั้ยน้าเธอมาตามแล้ว รีบไปเถอะ”
รสสุคนธ์ขัดใจมองเครื่องเพชรอย่างลังเล
“ฉันบอกแล้วไงว่ามันเป็นของเธอ”
หวานตะโกนเรียกดังมาอีก “นังรส”
รสสุคนธ์จำใจลุกออกไปอย่างขัดใจมาก ชีพหยิบเครื่องเพชรชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งขึ้นมามองสีหน้าพอใจก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย

หน้าห้องนอนชีพ หวานเดินมาเกือบถึงหน้าห้อง กำลังจะอ้าปากเรียกอีกชะงัก เห็นรสสุคนธ์เปิดประตูห้องออกมาอย่างไม่พอใจ หวานรีบวิ่งมากระชากตัวรสสุคนธ์ออกมา รสสุคนธ์สะบัดออกอย่างรำคาญ
“นังรส..นี่แกเข้าไปทำอะไรในห้อง คุณผู้ชาย หา”
“โอ๊ยน้าหวานนี่ แกล้งโง่หรือโง่จริงๆกันนะ มิน่าถึงอยู่มาจนป่านนี้ไม่มีผัว หมูเขาจะหามดันเอาคานเข้ามาสอด”
“ศพคุณผู้หญิงยังอุ่นๆอยู่เลย แกทำได้ไงโอ๊ยฉันอยากจะตาย”
หวานตรงเข้ากระชากตัวรสลากพากันกลับห้อง “ไปนังหน้าด้าน กลับไปห้องกับฉันเดี๋ยวนี้”
รสสุคนธ์จำใจให้หวานลากไปอย่างรำคาญๆ “จะอะไรกันนักหนานะน้าเนี่ย”
หวานลากรสสุคนธ์ไปด่าไปตลอดทาง

ชีพเดินไปเดินมาคอยอุษาอยู่หน้าบ้านชะเง้อมอง ชีพหงุดหงิด “มัวไปทำอะไรกันอยู่ดึกป่านนี้แล้ว”
ชีพเห็นแสงไฟหน้ารถธารินทร์แวบๆ จึงหันไปดู รถจี๊ปของธารินทร์แล่นเข้ามาไกลๆ ชีพมองสีหน้าไม่พอใจ หลบเข้ามุมมืดแอบดูอยู่ รถแล่นมาจอด อุษาลงจากรถ ธารินทร์ตามลงมาด้วย
“ขอบคุณมากค่ะรินทร์ รีบกลับไปเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว”
ธารินทร์เอื้อมมือจับแขนอุษาไว้ “สัญญาก่อนว่าจะนอนให้หลับ เลิกกังวลถึงคุณน้า”
อุษาน้ำตาไหลลงมาเงียบๆ ธารินทร์ดึงตัวเข้ามากอดไว้ “ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง แต่คุณต้องทำใจให้ได้นะครับ”
“ษายังไม่อยากเชื่อเลยค่ะรินทร์ว่าคุณน้าจะไม่ฟื้นอีกแล้ว”
“แต่ษาก็เห็นกับตาแล้ว”
อุษาเงยมองธารินทร์อย่างเศร้าๆ ธารินทร์จ้องอุษาอย่างรักมาก ทำท่าจะก้มลงมาจูบปลอบขวัญ
อุษาได้สติรีบเบี่ยงตัวออก
“ขอบคุณค่ะ คุณกลับเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะคะ”
ธารินทร์กลับไปขึ้นรถ อุษาโบกมือเศร้าๆ ธารินทร์โบกมือตอบแล้วขับรถออกไป ชีพมองตาขวางก่อนจะรีบเดินเร็วๆเข้าไปในบ้าน อุษายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอีกครู่ ก่อนจะหันกลับเดินเข้าบ้านอย่างเศร้าๆ

ในห้องนอนหวาน หวานผลักรสสุคนธ์ล้มลงบนที่นอน หวานถลาเข้ามาจะทำร้าย แต่รสยืดตัวขึ้นไม่กลัวเชิดหน้าให้ตบ
“เอาเลยสิน้าหวาน...ถ้าคิดว่าตบฉันแล้วน้าจะรู้สึกผิดน้อยลง ฉันยอมให้ตบเผื่อน้าจะสบายใจขึ้น”
หวานชะงัก “แกอย่าท้าฉันนะ” หวานยกมือจะตบ
“ตบเลย แต่บอกก่อนนะฉันยอมให้น้าครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ถือว่าเป็นการตอบแทนที่น้าพาฉันเข้ามาอยู่ที่นี่ทำให้ฉันได้กลายเป็นเจ้าหญิงอย่างไม่คาดฝัน ได้อยู่ปราสาทหลังใหญ่ มีสมบัติมากมายมหาศาลใช้ไปอีกสิบชาติก็ไม่หมด”
รสสุคนธ์หัวเราะสะใจ หวานลดมือลงอย่างแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้
“โธ่เอ๊ย...นี่ฉันพางูเห่าเข้ามาทำร้ายคุณผู้หญิงเองหรือนี่ นังหวานนะนังหวานไม่น่าเลย” หวานฟูมฟายยกมือไหว้ท่วมหัว “คุณผู้หญิงเจ้าขา ฉันขอโทษฉันไม่คิดไม่ฝันเลย ว่านังรสมันจะกล้าเนรคุณข้าวแดงแกงร้อนของคุณผู้หญิงโธ่นังหวานจะทำยังไงดีทำยังไงดี”
รสสุคนธ์มองอาการของหวานอย่างรำคาญ ยักไหล่แล้วลุกเดินออกไป หวานรีบกระโดดขวาง ถามเสียงกร้าว
“แกจะไปไหน”
“ฉันจะไปกินน้ำ”
หวานถอนใจลดแขนลง รสเดินกระทบไหล่หวานไปแล้วหันมาพูดใส่หน้ายิ้มๆ
“แต่ถึงฉันจะไปหาคุณชีพ ต่อให้น้ากางแขนกางขาจนฉีกออก ก็ขวางฉันไม่ได้หรอก”
รสสุคนธ์หัวเราะเดินออกไป หวานพึมพำด่าอย่างเจ็บใจสุดๆ

หน้าห้องนอน อุษาเดินมาจะเข้าห้อง ชีพออกมาขวางไว้ “อุ๊ย น้าชีพ มีอะไรหรือคะ”
“ทำไมกลับเอาดึกดื่นป่านนี้ ทำอะไรให้นึกถึงชื่อเสียงของคุณ น้าลั่นทมบ้าง เดี๋ยวคนจะว่าพอน้าตายก็”
“กรุณาไปเตือนรสสุคนธ์ของน้าชีพเถอะค่ะ”
ชีพรั้งอุษาเข้ามาโดยอุษาไม่ทันระวังตัว อุษาตกใจ “ว้าย..ปล่อยนะ”
“น้าไม่ได้รักรสสุคนธ์..อารมณ์ชั่ววูบพาไปเท่านั้น เธอต่างหากที่น้าแอบทุ่มเทหัวใจให้ให้มานานแล้วรู้ตัวบ้างมั้ย”
อุษาดิ้นรนสะบัดอย่างรุนแรงอย่างรังเกียจ
เสียงรสสุคนธ์ดังขึ้น “อะไรกันน่ะ”
ชีพชะงักรีบปล่อยอุษา รสสุคนธ์เดินเข้ามา อุษาโมโหรีบเปิดประตูเข้าห้อง รสสุคนธ์มองชีพอย่างไม่ไว้ใจ
ชีพอึกอักแต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินหนีไป
“คุณจะไปไหน ชีพ กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
รสสุคนธ์เดินตามไป

ในห้องนอนอุษา อุษาเข้ามาตัวเนื้อสั่นระงับความตื่นกลัวจากการสัมผัสกอดรัดของชีพ
“เลวที่สุด” อุษาร้องไห้ “คุณน้าลั่นทมขา ษาสงสารคุณน้าจริงๆที่อยู่กับผู้ชายที่ไม่เคยซื่อสัตย์กับคุณน้าเลย”
อุษาเช็ดน้ำตา ในม่านน้ำตาพร่ามัวนั้น อุษาเห็นกล่องใส่เครื่องประดับกับห่อกระดาษวางอยู่
พร้อมโน้ตสั้นๆในการ์ดชื่อชีพ อุษาหยิบขึ้นมาอ่าน
“ขอมอบเครื่องประดับชิ้นนี้ให้ษา น้าซื้อมาเองไม่ใช่สมบัติ ของลั่นทม และเงินอีกจำนวนหนึ่งสำหรับไว้ใช้จ่ายด้วยความปรารถนาดีอย่างแท้จริง”
อุษารีบวางกระดาษโน้ตหยิบกล่องขึ้นมาเปิด เป็นสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือเพชรสวยงาม อุษาหยิบห่อกระดาษคลี่ออก ธนบัตรใบละพันปึกใหญ่ปรากฏตรงหน้า อุษานิ่งอึ้ง เคียดแค้นชีพ
“สารเลว”

มุมหนึ่งในบ้านลั่นทม ชีพกำลังปัดป้องรสสุคนธ์ที่ระดมทุบชีพด้วยความหึงหวง
“นี่แน่ะๆๆคุณทำอย่างนี้ได้ยังไง”
ชีพจับมือของรสไว้ได้ “อะไรกันรส..หา”
“มิน่าถึงไม่ยอมให้รสนอนในห้องอ้างโน่นอ้างนี่ที่แท้ก็คิดจะเข้าหาแม่หลานสาวนี่เองรสไม่ยอมหรอกไม่มีวันยอม”
“บ้าน่า ไม่มีอะไรอย่างที่เธอคิดหรอก”
“ไม่มี...แล้วที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมันเมื่อกี้หมายความว่าไง”
“ฉันแค่ดุ ยัยษาเรื่องที่เขากลับดึกว่ามันไม่เหมาะแถมไอ้ตำรวจนั่นยังจับมือถือแขน ยอมให้มันโอบกอดอีก ยัยษาไม่ฟังจะเดินหนีฉันก็เลยดึงตัวไว้ ก็แค่นั้น นี่เธออย่าหึงหวงอะไรไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”
ท่าทีของชีพจริงจัง จนรสสุคนธ์เริ่มลังเล
“เขาไม่ใช่หลานคุณซะหน่อย ทำไมคุณต้องสนใจขนาดนั้นด้วย”
“อุษาเป็นหลานลั่นทมก็เหมือนหลานฉัน อย่าทำเรื่องให้มันไม่เป็นเรื่องน่า ปวดแผลจะตายอยู่แล้วยังมาทำให้ปวดหัวอีก ฉันไปนอนดีกว่า ไร้สาระจริงๆ”
ชีพทำโมโหเดินปึงๆไป รสสุคนธ์ทำท่าคิดแต่ท่าทางไม่ค่อยอยากเชื่อ
“คอยดูนะคุณชีพถ้าคุณคิดจะเคลมนังอุษาละก็ เป็นได้เห็นฤทธิ์ฉันแน่”
เช้าวันใหม่ในบ้านลั่นทม รสสุคนธ์สั่งงานสวาท จิ้มลิ้ม และยาใจอยู่ในห้องรับแขกด้วยท่าทีพยายามให้เป็นคุณนาย
“ข้าวของส่วนตัวคุณผู้หญิงทั้งเสื้อผ้าเครื่องใช้ทุกชนิด กวาดใส่ลังให้หมดแล้วยกไปไว้ห้องเก็บของนะ”
จิ้มลิ้ม สวาทและยาใจยืนเฉยอยู่
“คุณชีพหายไปไหน พวกแกเห็นมั้ย”
จิ้มลิ้มและยาใจส่ายหน้า “ไม่เห็น” “ฉันก็ไม่เห็น”
ต่อไปนี้เวลาตอบคำถามฉันพูดให้มันมีหางเสียงหน่อย คำว่า คะ คำว่าค่ะน่ะพูดเป็นมั้ย”
“เป็น..แต่พวกเราพูดได้กับคุณผู้หญิงเท่านั้น”
“ใช่พูดกับขี้ข้าด้วยกัน ก็พูดได้แค่นี้ล่ะ”
“แกว่าใครเป็นขี้ข้า” รสสุคนธ์ขยับเข้าหาไม่พอใจ พอดีชีพเดินเข้ามา สวาทรีบฟ้อง
“คุณผู้ชายคะ คุณผู้ชายสั่งให้ขนของเสื้อผ้าของคุณผู้หญิงไปที่ห้องเก็บของรึคะ “
ชีพงง “ใครบอก”
“ก็แม่รสสุคนธ์”
รสสุคนธ์เสียงดัง “นี่ อย่ามาเรียกฉันแม่นั่นแม่นี่นะ”
“ทำไม แต่ก่อนก็เคยเรียก”
“ต่อไปนี้เรียกไม่ได้ คุณชีพบอกเค้าซีคะ”
“ฉันถามว่าใครบอกสวาทว่าให้ขนของคุณลั่นทมไปจากห้องฉัน”
“รสบอกเอง ก็รสเป็นห่วงคุณชีพ ถ้ายังเห็นของเก่าๆ ของเมียก็อาจจะคิดถึง เสียใจ ใจไม่ดีใช่มั้ยคะ รสหวังดี รสก็เลย”
“เอาละๆ ถ้าสั่งไปแล้วก็ทำตามเถอะ ไปๆมีอะไรก็ไปทำๆให้เสร็จ”
ชีพพูดแล้วชะงักมองไป เห็นอุษาปราดเข้ามาแต่แล้วก็ชะงักกำของไว้แน่นแล้วมองอยู่ ชีพจ้องมองแล้วเดินไป จิ้มลิ้ม ยาใจและสวาทก็หันมามอง อุษารู้สึกอาย ไม่รู้จะจัดการกับชีพอย่างไรถูก กลัวจะอื้อฉาวจึงค่อยๆ หันหลังกลับออกไปเศร้าๆ
จิ้มลิ้ม ยาใจและสวาทมองงงๆๆ ยาใจรีบเดินไปถาม “คุณอุษามีอะไรจะใช้หรือเปล่าคะ”
“เปล่า..ไม่มีอะไรจ้ะ”

ยาใจ จิ้มลิ้มและสวาทแยกไป ชีพมองตามอุษาไป รสสุคนธ์กระชากตัวชีพมา
“สายตาคุณอาลัยอาวรณ์นังอุษาเหลือเกินนะ อย่าให้รสจับได้ก็แล้วกัน”
ชีพผลักรสสุคนธ์ออก “มีเหตุผลหน่อยสิ ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ชีพเดินไป รสสุคนธ์มองตามอย่างแค้นๆ
มุมหนึ่งในสวนหน้าบ้าน อุษานั่งครุ่นคิด รสสุคนธ์เดินมาจากด้านหลังเสียงแข็ง “อุษา”
อุษาหันมามองสีหน้าเกลียดชัง ไม่พูดด้วย
“เมื่อกี้เธอคิดจะเข้าไปพูดอะไรกับคุณชีพ”
“เกี่ยวอะไรกับเธอ”
“หน้าตาเธอก็ไม่โง่นี่ ตอนนี้เธอก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าฉันกับคุณชีพเราเหมือนคนๆเดียวกัน เพราะฉะนั้นฉันควรจะรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสามีฉัน”
“กับเธอเนี่ยใช้คำว่าเนรคุณยังน้อยเกินไปจริงๆ กล้าพูดออกมาได้ยังไงเต็มปากเต็มคำว่าน้าชีพเป็นสามีเธอ ทั้งๆที่คุณน้าลั่นทมดีกับเธอขนาดไหน”
“ฉันไม่เถียงว่าน้าเธอดีกับฉัน ให้ที่อยู่ที่กิน แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังตอบแทนบุญคุณน้าเธออยู่ไง...ทำให้สามี..อ๋อ ไม่ใช่สิอดีตสามีน้าเธอมีความสุขจนแทบสำลักตายคาเตียง น้าเธอจะได้ไม่ต้องห่วงนอนตายตาหลับไง”
รสสุคนธ์ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ย จนอุษาทนไม่ไหว
“ถ้าเลวไม่พอก็คงพูดจาแบบนี้ไม่ได้หรอก”
“ใช่ ฉันเลว แล้วเป็นไง”
ขาดคำของรสสุคนธ์ อุษาก็ตบหน้ารสสุคนธ์เต็มแรง รสสุคนธ์ตะลึง พอได้สติหันมาจะถลาเข้าใส่ แต่ก็ต้องชะงัก หวานวิ่งเข้ามาชี้หน้า
“หยุดนะนังรส ถ้าแกกล้าแตะต้องตัวคุณอุษาวันนี้ฉันฆ่าแกแน่”
“มันตบฉันก่อนนะน้าหวาน”
“มันยังน้อยไป”
“อะไรนะน้า นี่ฉันเป็นหลานน้า แทนที่น้าจะเข้าข้างฉัน”
หวานสวนทันควัน “หลานเลวๆอย่างแกฉันไม่อยากนับญาติด้วยหรอก ไปเลยแกจะไปไหนก็ไป ไปสิ”
รสสุคนธ์ฮึดฮัดมองหวานแล้วมองอุษาแบบฝากไว้ก่อน เดินปึงๆไป หวานหันมาเห็นอุษามองหวานอย่างไม่แน่ใจ หวานร้องไห้
“คุณขา อิฉันไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับมันด้วยเลยนะคะเอาอิฉันไปสาบานที่ไหนก็ได้”
อุษาถอนใจ “ยังไงแม่หวานก็เตือนเขาบ้างก็ดี ฉันว่าเขาชักจะล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว”
อุษาเดินไป หวานเศร้าพึมพำ
“ถ้าวิญญาณมีจริง ป่านนี้คุณผู้หญิงคงรู้แล้วใช่มั้ยคะว่าอิฉันไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับนังรสมันจริงๆ”

ลั่นทมนอนสงบนิ่งในโลงศพ เงาร่างลั่นทมดิ้นอึกอัก
‘ช่วยด้วย..เอาฉันออกไปที..ฉันอึดอัด กลัว เอาฉัน ออกไป’ เงาร่างลั่นทมร้องไห้ ‘ทำไมไม่มีใครได้ยินฉันเลย..ฉัน’ ลั่นทมที่นอนสงบนิ่งเริ่มขยับเขยื้อนได้ แต่ไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก เงาร่างลั่นทมดีใจ
‘ฉันยกมือได้แล้วนี่นา...ฉันขยับตัวแล้ว ช่วยด้วย’
เงาร่างลั่นทมพยายามขยับตัวดิ้นรนขลุกขลักอยู่ในโลงอย่างอึดอัด
ภายในศาลา สัปเหร่อเดินผ่านไป หันมาชะงัก มองไปที่โลงศพเห็นโลงขยับไหวน้อยๆ สัปเหร่อมองรอบๆ บรรยากาศหลอนๆ เริ่มรู้สึกหวาดๆ
“จะบ้าเหรอวะ กลางวันแสกๆ นะโว้ย”
สัปเหร่อจะเดินต่อไป แต่ตัดสินใจหยุดตั้งใจฟัง ได้ยินเสียงผิดปกติ หันมองไปรอบๆ ได้ยินเสียงลั่นทมแว่วออกมา ‘ฉันมีแรงแล้ว ช่วยด้วย’
โลงที่ใส่ศพลั่นทมขยับกึกกักเหมือนมีคนดิ้นอยู่ข้างใน สัปเหร่อหันมาทางต้นเสียง แล้วเมื่อเห็นโลงขยับกึกกักก็ตลึงจังงังก้าวขาไม่ออก “อะ”
โลงสั่นสะเทือนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดโลงก็กลิ้งลงจากแท่นหล่นโครมลงที่พื้น สัปเหร่อตกใจแผดร้องสุดเสียง “โฮ้ยย”
ภายในโลงศพ ร่างลั่นทมถูกมัดตราสังข์ไว้ไม่แน่นหนานักและส่วนที่พันใบหน้าอยู่ก็ถูกตัดออกกระแทกกับโลงอย่างแรง ร่างลั่นทมที่อยู่ในโลงไม่กระดิกกระเดี้ยหรือแสดงว่าจะมีความรู้สึก เงาร่างลั่นทม เห็นภาพลั่นทมกระแทกพื้นโลง ‘โอ๊ย’
ในโลง ลั่นทมนอนสงบนิ่ง ฝาโลงเปิดหลุดออก ลั่นทมกลิ้งออกมาไม่ไหวติง สัปเหร่อมองตะลึงรวบรวมสติ
แทรกเสียงอุษาที่เคยบอกไว้ผุดขึ้น
“คุณน้ายังไม่ตาย..ลุงเชื่อหนูซีคะ คุณน้าเป็นอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว”
สัปเหร่อพึมพำ “รึว่ายังไม่ตายจริง”
สัปเหร่อเข้ามามองดูสภาพลั่นทมที่กลิ้งออกมานอกโลงตาค้างพูดไม่ออก ไม่เข้าใจว่าโลงกระเด็นลงมาได้อย่างไร สัปเหร่อเดินไปชะโงกดูร่างลั่นทมอย่างกลัวๆ เห็นลั่นทมในสภาพที่เอาผ้าตราสังข์ที่หน้าออกแล้ว แต่แรงกระแทกทำให้ลั่นทมหมดแรงไปอีก ลั่นทมนอนนิ่งไม่หายใจ สัปเหร่อค่อยๆ เอื้อมมือไปอังที่จมูกก็เห็นว่าไม่หายใจ
“เอ๊..ก็ไม่มีลมหายใจนี่หว่า”
สัปเหร่อมองไปรอบๆ “แล้วเสียงร้อง เสียงดิ้นจนโลงตกมาได้ไง”
สัปเหร่อเข้าไปเขย่าร่างลั่นทม “คะ..คะ..คุณ..คุณนาย ฟื้นแล้วเหรอ”
ลั่นทมยังอยู่ในสภาพตายแล้ว ไม่ไหวติง
“ก็ไม่กระดิกกระเดี้ยนี่หว่า..เกิดอะไรขึ้นวะ รึว่า”
สัปเหร่อถอยหลัง หน้าซีด สัปเหร่อหันหลังกลับร้องเรียกหลวงพ่อให้ช่วยเสียงหลงพร้อมกับวิ่งหนีห่างออกไป “หลวงพ่อครับ..หลวงพ่อ”

ในห้องนอนอุษาอุษาหยิบเครื่องเพชรมาพิจารณาอย่างสลดใจในชะตากรรมของลั่นทม แล้วเก็บเครื่องเพชรไว้ในที่อันมิดชิด หยิบเงินที่ชีพมอบให้ปึกใหญ่แล้วใส่กระเป๋าถือ เจตนาจะนำไปใช้ในการช่วยเหลือลั่นทม “ดี..ถ้าอย่างนั้นเราจะเก็บเอาไว้เป็นทุนช่วยคุณน้า”
ในห้องรับแขกบ้านลั่นทมจิ้มลิ้ม สวาทและยาใจพากันยกหีบใบใหญ่ๆ บรรจุของส่วนตัวของลั่นทมลงจากชั้นบนเข้าไว้ในห้องเก็บของ
“ร้ายจริงๆ นังรสนี่มันร้ายกาจจริงๆ”
“นั่นสิ ดูท่าคุณผู้ชายจะหลงมันหัวปักหัวปำนะแก ไม่ว่าอะไรมันสักคำ”
“ก็มันทั้งสาวทั้งสวย นี่นา นี่พวกแกว่าน้าหวานแกรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า”
หวานเดินเข้ามาพอดีชะงัก
“หึ น้าหลานกันนี่”
“แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย น้าหวานแกรับใช้คุณผู้หญิงมาตั้งนานไม่น่าทำกับท่านได้”
“ก็เพราะรับใช้มานานนะสิเลยอยาก”
สวาทชะงักเห็นหวาน ทุกคนหันไปมองหน้าเสียอึกอัก หวานหน้าเศร้าทำท่าจะพูดแต่แล้วเปลี่ยนใจเดินกลับออกไปเงียบๆ ยาใจโล่งอก

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 3/5

ละครเรื่อง สุสานคนเป็นบท ประพันธ์โดย ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น บทโทรทัศน์โดย ภาคย์รพี
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นกำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น ละครแนว ดราม่า รี้ลับ อาถรรพ์ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นผลิตโดย บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นออกอากาศ ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เร็วๆ นี้