อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 3/2 วันที่ 17 เม.ย. 57
“ปละ...เปล่า...แม่หวานมาตามหาหลานสาวเหรอ...อยู่...อยู่ที่สนามแน่ะ...”อุษาเดินไปทันที หวานนิ่งคิดแล้วได้สติ รีบเดินออกไป หวานตะลึง เห็นรสสุคนธ์อยู่ในอ้อมกอดของชีพ
“นังรส...นังรส...”
“ไปยังไงล่ะคะ...”
ธารินทร์จับมืออุษา “แต่งงานกับผมสิ...ผมจะให้พ่อไปสู่ขอจากคุณลั่นทม...”
“ษายังไม่อยากคิดเรื่องนี้ ษาเป็นห่วงคุณน้าค่ะรินทร์..”
ธารินทร์พยักหน้าจำยอม ต้อยติ่งเดินเข้ามาหา
“พี่อุษา...ทานข้าวค่ะ...”
ที่โต๊ะอาหาร มีกับข้าวง่ายๆ อยู่สามสี่อย่าง หมอผัน ต้อยติ่งอุษาและธารินทร์นั่งกันพร้อมหน้า
“กับข้าวคนจนนะหนูอุษา”
“อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ...”
“อร่อยก็ต้องทานเยอะๆ...เดี๋ยวผมจะไปส่งที่บ้าน...”
ต้อยติ่งยิ้มให้ทั้งสองคน
“ตอนนี้ดวงชะตาของคุณนายลั่นทมน่าเป็นห่วง...ท่านให้ผมดูหมอให้วันที่ท่านทำบุญบ้าน ผมก็ดูไม่ละเอียดหรอก..แล้วก็ไม่ค่อยกล้าทำนายด้วย...”
อุษาหน้าซีด “คุณน้าจะเป็นอะไรมากมั้ยคะ...”
“ผมพยายามสวดมนต์ช่วยท่านอยู่...”
อุษาก้มหน้า ทานข้าวต่อไปไม่ได้
“พ่อไม่น่าพูดเลย...”
“โทษทีว่ะเจ้ารินทร์ แต่พ่อคิดว่าไม่พูดตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาส”
สีหน้าอุษาเป็นกังวล
สระว่ายน้ำของโรงแรม ลั่นทมกำลังว่ายน้ำ ชีพนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบริมสระ มองดูลั่นทมว่ายน้ำ ลั่นทมว่ายมาเกาะขอบสระ ลั่นทมชวนชีพเสียงร่าเริง
“ชีพคะ มาว่ายน้ำกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนครับ ทม”
“มาสิ...สนุกดีออกค่ะ นานๆ ทมจะได้ออกกำลังกายซะที”
“ระวังเหนื่อยนะ เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีก”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ ทมแข็งแรงดีแล้ว...ทมไม่เป็นอะไรแล้วค่ะชีพ”
ลั่นทมโผไปที่กลางสระน้ำ ว่ายน้ำอย่างร่าเริง พลางหันมาทางชีพ
ในห้องของหวานรสสุคนธ์นอนอยู่บนเตียง ดวงตาจับจ้องที่เพดาน นึกถึงตอนที่ชีพกับตนเองอยู่ด้วยกัน ตอนพนักงานคอนโดไล่ไม่ให้รสสุคนธ์เข้าไปในคอนโด ตอนที่ชีพจะไปเที่ยวระนองกับลั่นทมที่หน้าบ้าน
หวานเข้ามาพอดี “น่าจะไปช่วยงานเขาในครัวบ้าง ตอนนี้เขาทำความสะอาดบ้านกันอยู่ คุณผู้หญิงกลับมาเห็นบ้านสะอาดๆ จะได้ชื่นใจ”
รสสุคนธ์ผุดลุกขึ้นนั่ง “เหรอ ระวังเถอะ จะได้ทำความสะอาดบ้านไว้จัดงานศพนังลั่นทม”
“อีรส...”
รสสุคนธ์เชิดหน้า “น้าหวานก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ ทำไมถึงต้องตอกย้ำกันด้วย...ยังไงฉันก็ไม่มีวันก้มหัวให้คุณผู้หญิงของน้าหรอก”
“เกิดมาเป็นขี้ข้าเขา ยังจะทำปากดี เอ็งมีสิทธิ์อะไร”
“สิทธิ์ที่ฉันเป็นเมียคุณชีพเหมือนกันน่ะสิ...”
หวานเอือมระอาไม่รู้จะจัดการกับรสสุคนธ์ยังไง เลยเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ บ่นพึมพำไม่ได้ศัพท์ รสสุคนธ์ล้มตัวลงนอน น้ำตาเอ่อคลอ
เสียงหัวเราะของลั่นทมดังเข้ามา ที่ชายหาดลั่นทมหัวเราะเริงร่า ขี่ม้ามาตามริมหาด ชีพยืนมองอยู่
“ระวังหน่อยนะจ๊ะที่รัก...”
“ค่ะชีพ”
ลั่นทมจับสายบังเหียนด้วยมือข้างเดียว อีกมือโบกให้ชีพ “ชีพ...สนุกจังค่ะ...”
ม้าวิ่งไปอย่างเร็ว สีหน้าลั่นทมตกใจ
ชีพตกใจ หน้าซีดเผือด “ทม...”
คนอื่นๆ ที่ชายหาดพากันเหลียวดู พนักงานดูแลม้า เข้าควบคุมได้ ลั่นทมฟุบไป ชีพวิ่งมา
“ทม...ทม...”
ชีพกับคนดูแลม้าช่วยกันประคองลั่นทมลงมา ร่างลั่นทมอ่อนปวกเปียกในอ้อมกอดของชีพ
“ทม...ทม..” ชีพเขย่าตัวลั่นทม ลั่นทมลืมตา แล้วหัวเราะลั่นดัง
“คะชีพ...เห็นมั้ย ทมไม่เป็นอะไรแล้ว ทมหายแล้ว...”
ชีพหายใจโล่งอก “ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ ทีหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะครับ”
ตอน กลางคืน รสสุคนธ์เข้ามาในครัว เปิดไฟสว่าง เดินไปที่กับข้าวบนโต๊ะ เปิดฝาชีออกก็เห็นผัดผักเซ็งๆ กับไข่เจียวหนึ่งจาน สวาทเข้ามาพอดี ยืนมองยิ้มมุมปาก สะใจเล็กๆ
“กับข้าวมีแค่นี้เหรอ”
“อุ๊ย เจ้านายไม่อยู่ ไม่ต้องทำอะไรมาก ตำน้ำพริกครกเดียวก็อิ่มไปทั้งบ้านแล้ว นี่แม่หวานยังเป็นห่วงหล่อนเลยผัดผักกับทอดไข่ไว้ให้”
รสสุคนธ์ปิดฝาชี “ไม่กินดีกว่า...”
“ทำไม...”
“มันเรื่องของฉัน...”
รสสุคนธ์จะเดินออก สวาทแกล้งขวางประตูไว้
“อยากมีเรื่องเหรอไง”
“ถ้าอยากล่ะ...จำไว้นะ หล่อนน่ะเตรียมเก็บข้าวของออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แล้ว ตะกี้นี้คุณผู้หญิงเพิ่งโทรมาบอกว่า มีความสุขมาก อากาศสดชื่นยิ่งทำให้คุณผู้หญิงแข็งแรงดี คราวนี้แหละ คุณผู้หญิงคงไม่ปล่อยแกไว้แน่นังรส...”
รสสุคนธ์โกรธ ผลักสวาทอย่างแรง สวาทเซไปโดนโต๊ะ สวาทเจ็บจนหน้าเบ้
“นังนี่...อูย...”
“จำไว้...ถ้าขืนระรานฉันอีกละก็...จะเจ็บมากกว่านี้...”
รสสุคนธ์เดินออกไป สวาทมองตามอย่างแค้นๆ
ในร้านอาหารกลางแจ้งใต้แสงจันทร์ บรรยากาศโรแมนติกมาก ชีพกับลั่นทมนั่งทานอาหารกันอยู่
“ทมมีความสุขจังค่ะ..อาการป่วยก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง...สงสัยว่าที่ผ่านมา ทมอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน...”
“ผมดีใจที่ทมหาย...ต่อไปเราจะได้มาเที่ยวแบบนี้กันบ่อยๆ”
“ค่ะ แล้วทมก็จะกลับไปช่วยงานชีพที่โรงงาน...”
ชีพหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง ตักกับข้าวให้ลั่นทม พลางเอาใจ
“ผมยังไม่อยากให้ทมเหนื่อย...”
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ บอกแล้วไงไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน”
“ถ้าหายดีแล้ว ผมไม่อยากให้คุณคิดเรื่อง...เอ้อ...”
“เรื่องอะไรคะ”
“พินัยกรรม ผมบอกแล้วไงว่ามันจะเป็นลางไม่ดี...”
ลั่นทมหัวเราะ “โธ่ ชีพ...นึกว่าเรื่องอะไร คงไม่ได้แล้วละค่ะ คุณทนายร่างพินัยกรรมเสร็จแล้ว...ทมก็เห็นชอบกับพินัยกรรมฉบับใหม่...ยุติธรรมกับทุกฝ่าย...”
“แม้แต่ผมเหรอ..”
ลั่นทมพยักหน้าหนักแน่น“ทมรักคุณค่ะชีพ...รักมากที่สุด...พินัยกรรมนั่นเป็นเรื่องของชีพล้วนๆ เลยนะคะ...”
ชีพระงับความตื่นเต้นไว้แทบไม่ได้ ยิ้มดีใจ แต่แล้วก็รีบสงวนท่าที
“โธ่ ที่รัก...ผมไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับสมบัติของคุณเลย...สักนิดผมก็ไม่สน..”
“ไม่รู้ละ ทมตายเมื่อไหร่ เปิดพินัยกรรมออกมา ชีพก็รู้เองแหละค่ะ...”
ชีพกับลั่นทมเต้นรำด้วยกันที่ลานของรีสอร์ทหรูหราเป็นส่วนตัว เสียงเพลงจากเครื่องเล่นภายในห้องส่งเสียงหวานกังวาน ลั่นทมอยู่ในอ้อมกอดของชีพ
“ผมมีความสุขที่สุด อยากกอดคุณ อยากอยู่ใกล้คุณอย่างนี้ตลอดไป”
“สัญญาได้มั้ยว่าจะรักทมตลอดไป...”
ลั่นทมเงยหน้าช้อนตาสบตาชีพ
“โธ่ ทมจ๊ะ...ผมอาจจะเหลวไหลไปบ้าง นอกลู่นอกทางบ้าง แต่ขอให้ทมรู้ไว้ ไม่มีใครแทนคุณได้แน่...”
ลั่นทมซบหน้ากับอกกว้างของชีพ ทั้งสองเต้นรำกันช้า ๆตามจังหวะ
รสสุคนธ์นั่งหน้าเศร้าอยู่ ตรงมุมนอกบ้าน หวานเดินมา
“พรุ่งนี้เขาก็กลับกันแล้ว...”
รสสุคนธ์หันมา ดวงตาดีใจ “เหรอน้าหวาน...น้าหวานรู้ได้ไง...”
“คุณผู้หญิงเพิ่งโทรศัพท์มาบอก...”
รสสุคนธ์เบ้ปาก “นึกว่าสำลักความสุขตายไปแล้วซะอีก”
“เอ็งนี่ เกิดมาเคยพูดจาอะไรให้เป็นมงคลปากบ้างหรือเปล่าวะนังรส...หา...”
รสสุคนธ์ไม่ตอบ จะเดินกลับเข้าห้อง“พรุ่งนี้ฉันไม่อยากไปทำงานเลย อยากอยู่เจอหน้าคุณชีพ”
หวานนิ่งอึ้ง ส่ายหน้า รสสุคนธ์เดินออกไป
ระหว่างทางกลับ ลั่นทมขับรถ ชีพนั่งข้างๆ มองดูลั่นทม
“ผมขับเองดีกว่า...คุณขับมาไกลแล้ว จะเหนื่อย”
“ไม่ค่ะ จะขับให้ถึงบ้านเลย...อ้อ เดี๋ยวแวะดูผลไม้ในสวนหน่อย...ไม่ได้แวะไปตั้งนานแล้ว...”
“นี่จะไปสวนอีกเหรอ”
“ก็อยู่ติดกับบ้านเรา...นิดเดียวเองค่ะชีพ”
ที่บ้านลั่นทมวิเวกและสมพร แอบกินเหล้ากันในสวน คุยกันเสียงอ้อแอ้แบบคนเมา
“น้าฉ่ำ เจ้านายไม่อยู่ แบบนี้บ่อย ๆ ก็ดีเหมือนกันนะไม่ต้องแอบกินเหล้า”
“ใช่ กินมันเปิดเผยเลย...เอ้า กินๆๆๆ ชนแก้วหน่อย”
ทุกคนหัวเราะกันครืน
“อย่าให้เมานะโว้ย...ได้ข่าวว่ากลับมาวันนี้...”
ทั้งสามคนชนแก้ว กินเหล้าต่อ
ที่ถนนทางเข้าสวน ลั่นทมขับรถเข้ามา โดยมีชีพนั่งอยู่ข้างๆ รถเฉไปมา เกือบเฉี่ยวชนต้นไม้ ชีพหน้าเสีย ลั่นทมตาปรือ ตาพร่ามัว
“ลั่นทม...ลั่นทม...ไหวหรือเปล่า”
ลั่นทมฟุบลงกับพวงมาลัย รถไถลชนต้นไม้ เสียงดังโครม กลุ่มวิเวก หันขวับไปทางเสียง ตกใจ
ฉ่ำยืนขึ้น เซแล้วตัวตรง ฉ่ำขยี้ตา “รถคุณชีพ...”
ทั้งหมดวิ่งไปที่รถ เปิดประตูเห็นชีพใบหน้ามีเลือดไหล ส่วนลั่นทมฟุบแน่นิ่งไป
“ไอ้พร ไอ้เวก ไปบอกคนที่บ้านเร็ว...”
สมพรกับวิเวกวิ่งไปทันที“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...”
ฉ่ำเขย่าเปิดประตูรถ เขย่าตัวชีพ “คุณชีพครับ คุณชีพ...คุณชีพ...”
ชีพรู้สึกตัว เลือดไหลอาบมาตามแก้ม หันไปเห็นลั่นทมแน่นิ่ง
“ทม...ทม” ชีพเขย่าตัวลั่นทม เห็นแน่นิ่ง เรียกเสียงดังขึ้น “ทม...ลั่นทม”
ชีพหน้าเสียไป วิ่งออกจากรถอ้อมไปทางฝั่งคนขับ ฉ่ำยืนนิ่งอยู่ ตกใจหน้าซีด ชีพเขย่าตัว จับชีพจร
ลั่นทม “ทม...ทม...”
ในบ้านลั่นทม หวานเป็นลมลงไปทันที สวาทมองหน้าวิเวกกับสมพรที่ยืนหอบอยู่ ยาใจกับจิ้มลิ้มรีบ
แม่
“แม่หวาน...แม่หวาน นังยาใจ เอายาดมมาทีสิ เป็นลมไปแล้ว”
“คุณผู้ชายอยู่ที่ไหน”
“ใน...ในสวน...”
“ไอ้พรไปตามหมอสิ พาคุณผู้หญิงส่งโรงพยาบาล ข้าอยู่ทางนี้จะโทรไปบอกคุณอุษา...ไป...”
สวาทตรงไปที่โทรศัพท์ หวานรู้สึกตัว
“โธ่เอ๊ย คุณผู้หญิง ฮือๆๆ”
ในห้องทำงาน อุษารับโทรศัพท์แล้วตกใจ รสสุคนธ์กับสายสมรและทุกคนหันมามองทันที
“คุณน้า...ตอนนี้อยู่ที่ไหนจ๊ะแม่หวาด...ค่ะๆๆ ษาจะรีบไปที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้...”
อุษาคว้ากระเป๋าและพวงกุญแจออกไป รสสุคนธ์คว้ากระเป๋า
“ฉันไปด้วย...” รสสุคนธ์วิ่งตามไปทันที
ที่ลานจอดรถของโรงงาน อุษาตรงมาที่รถ รสสุคนธ์ตามมา เปิดประตูหลังเข้าไปนั่ง อุษาขับออกไปทันที
ในรถของอุษา อุษาขับรถไปพลางพูดโทรศัพท์ น้ำเสียงร้อนรน
“รินทร์คะ คุณน้าเป็นอีกแล้วค่ะ...ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
ธารินทร์อยู่ที่โรงพัก “ใจเย็นๆ ษา คุณน้าลั่นทมคงไม่เป็นอะไรหรอก”
“แต่ครั้งนี้ คุณน้าลั่นทมขับรถ รถชนต้นไม้ด้วย ษาว่าคุณน้าต้องกระเทือนมากด้วย...ษากลัวจังค่ะ”
รสสุคนธ์แอบอมยิ้มสะใจ
“ผมจะโทรบอกหมอวัฒนาเพื่อนผมให้ดูแลคุณน้าลั่นทมเป็นพิเศษ เดี๋ยวผมจะตามไปที่นั่นด้วย...”
“ค่ะ แล้วเจอกัน...”
รสสุคนธ์แอบฟังอยู่ รีบถามขึ้น “แล้วคุณชีพล่ะเป็นอะไรมากมั้ย...”
อุษาเม้มปาก ขับรถ รสสุคนธ์ถามเสียงแข็งขึ้น
“ฉันถามว่าคุณชีพเป็นอะไรมากมั้ย...ไม่ได้ยินเหรอไง”
“ได้ยิน แต่เธอไม่มีสิทธิ์ใช้เสียงยังงี้กับฉัน...”
รสสุคนธ์เชิดหน้า พิงพนักเบาะไม่พอใจ หน้าเครียด
ที่โรงพยาบาล หน้าห้องฉุกเฉิน บุรุษพยาบาลเข็นเตียงของลั่นทมมา ส่วนชีพนั่งรถเข็น มีเลือดไหลที่ขมับ ถูกเข็นไปอีกทาง รสสุคนธ์กับอุษามาถึงพอดีด้วยความรีบร้อน
“คุณน้า...เดี๋ยวค่ะ...”
บุรุษพยาบาลผลักประตูห้องฉุกเฉินจะเข็นเตียงเข้าไปค้างไว้
“ให้ดิฉันเข้าไปด้วยนะคะ ดิฉันทราบดีว่าคุณน้าเป็นอะไร”
วัฒนาออกมาจากข้างใน “คอยข้างนอกก่อนครับ”
ประตูปิด อุษายืนซึม รสสุคนธ์ยืนยิ้มมุมปากสะใจอยู่ด้านหลัง ธารินทร์เดินมาพอดี รสสุคนธ์มองธารินทร์แต่ธารินทร์ไม่มองตอบ
“หมอกำลังดูอาการคุณน้าลั่นทมอยู่ค่ะ...ษาว่าจะไปดูน้าชีพก่อน”
รสสุคนธ์รู้สึกขัดหูขัดตาเลยเดินไปก่อน
“ก็ดีครับ ผมก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...” ทั้งสองเดินไปอย่างรีบร้อน
ชีพนอนอยู่บนเตียง พยาบาลกำลังดูแลอยู่
รสสุคนธ์เข้ามาในห้อง “คุณชีพ..”
“มาได้ยังไง..” “มากับอุษา...”
อุษากับธารินทร์เดินเข้ามา “เป็นยังไงบ้างคะ...”
ชีพสบตากับอุษา ให้ดูน่าสงสาร รสสุคนธ์เห็นก็ไม่พอใจ
“ขอบใจที่มาเยี่ยมน้า...น้าไม่เป็นอะไรมากหรอก ห่วงก็แต่ลั่นทม ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง”
“ให้ตัวเองหายก่อนเถอะ ค่อยห่วงคนอื่น” รสสุคนธ์มีสีหน้าไม่พอใจ
อุษามองหน้ารสสุคนธ์ “เขาเป็นสามีภรรยากันนี่คะ ก็ต้องห่วงใยกันเป็นธรรมดา”
รสสุคนธ์มีปฏิกิริยาทันที แต่ไม่กล้าแสดงออก ชีพยกมือห้ามไม่ให้รสสุคนธ์พูดต่อไป
“เกิดขึ้นได้ยังไงครับ...” ธารินทร์ถาม
“เขาขอขับเอง ผมห้ามแล้ว แต่ก็ไม่ยอม ก็แข็งแรงดีอยู่นะ แต่พอมาถึงในสวนก็มีอาการเหมือนเดิม ฟุบไปกับพวงมาลัย”
รสสุคนธ์ฟังด้วยสีหน้าสะใจ
“ผมเป็นห่วงลั่นทม..”
วัฒนาเดินเข้ามา “คุณชีพครับ เดินไหวมั้ย....คุณลั่นทม..เอ้อ..”
“คุณน้า...” อุษาถลันออกไปก่อน ธารินทร์ตามไป รสสุคนธ์ช่วยพยุงชีพขึ้น มองตามสีหน้าสะใจ พยาบาลเข็นรถเข็นมาเทียบ รสสุคนธ์ถามขณะพยุงชีพขึ้นเบาๆ
“คุณห่วงเมียคุณจริงๆ เหรอคะ”
ชีพไม่ตอบ พยาบาลเข็นรถของชีพไป รสสุคนธ์ตามไป
ในห้องฉุกเฉิน เครื่องวัดหัวใจบ่งบอกว่าหัวใจไม่ทำงาน พยาบาลหันมาบอกทันที่เห็นกลุ่มของชีพเข้ามา
“หัวใจไม่ทำงานแล้วค่ะคุณหมอ...”
“ฉีดยากระตุ้นหัวใจ..” หมอจัดการฉีดยา เครื่องแสดงกราฟหัวใจ เห็นหัวใจไม่ทำงานเหมือนเดิม พยาบาลมองหน้าวัฒนาเหมือนขอความเห็น วัฒนาพยักหน้า พยาบาลใช้เครื่องปั๊มหัวใจกับลั่นทม ลั่นทมผวาสะดุ้ง รสสุคนธ์มองอย่างสะใจ แต่ก็ซ่อนความรู้สึกไว้ อุษาร้องไห้ น้ำตาไหลพราก
“คุณน้า...รู้สึกตัวสิคะ คุณหมออย่าทำยังงี้เลยค่ะ คุณน้าเจ็บ เดี๋ยวคุณน้าก็รู้สึกตัว คุณน้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ”
วัฒนามองหน้าอุษา ส่ายหน้า “แต่ตอนนี้หัวใจคนไข้ไม่ทำงานแล้วนะครับ”
“หยุดหายใจนานกว่าทุกครั้งนะษา”
อุษามองหน้าชีพไม่พอใจ “น้าชีพ...ทุกครั้งคุณน้าก็รู้สึกตัว...ครั้งนี้ก็ต้องรู้สึก”
อุษาหันมาทางคุณหมอกับวัฒนา “จริงๆ นะคะคุณหมอ..คุณน้าหยุดหายใจ แต่คุณน้ารู้สึกทุกอย่างค่ะ”
วัฒนามองอุษาเหมือนมองคนที่พูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่มีเหตุผลรองรับ...
“ให้อยู่ในความดูแลของหมอดีกว่าน่าษา”
ธารินทร์จับมืออุษา เตือนสติ รสสุคนธ์เมินไปทางอื่น..
“เชิญทุกคนข้างนอกก่อนดีกว่าครับ...ขอคุณชีพไว้คนเดียวพอ เชิญครับ”
“ไปเถอะษา” ธารินทร์พาอุษาออกมาข้างนอก รสสุคนธ์ตามมาด้วย พยาบาลปั๊มหัวใจ เห็นเงาร่างลั่นทมเจ็บปวดสะดุ้งซ้อนอยู่บนร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เสียงของลั่นทมร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครได้ยิน
‘ษา...อย่าทิ้งน้าไป...น้าเจ็บ...ช่วยน้าด้วย...โอ๊ย’
ธารินทร์ และรสสุคนธ์ออกมาจากหน้าห้องฉุกเฉิน หวานร้องไห้สะอึกสะอื้น ขณะที่ทุกคนก็หน้าเศร้าไม่ต่างกัน หวานเสียงเครือ “คุณผู้หญิงเป็นยังไงบ้างคะ”
“เดี๋ยวคุณน้าก็รู้สึกตัว...คงไม่มีอะไรหรอกจ้ะน้าหวาน”
“แต่ครั้งนี้หยุดหายใจไปนานจนน่าเป็นห่วง” ทุกคนมองหน้ารสสุคนธ์ รสสุคนธ์จึงพูดแก้เก้อ “ฉันพูดตามความเห็นของหมอ...ไม่เชื่อถามอุษาดูสิ...ยังไม่รู้เลยว่าจะฟื้นหรือเปล่า”
อุษาพูดกับรสสุคนธ์เสียงเข้ม “อย่าใช้คำว่าฟื้น...คุณน้าลั่นทมยังไม่ตาย...และก็จะไม่มีวันตายด้วย”
รสสุคนธ์อมยิ้ม หวานหยิกจ้องหน้าดุๆ พูดเสียงเครียดลอดมาจากริมฝีปาก
“ไม่ใช่เรื่องของเอ็งนังรส...จะพูดจะจาอะไรก็รู้จักเกรงใจคนอื่นบ้าง”
รสสุคนธ์สะบัด หันไปทางอื่น ก็มาเจอสายตาปรามจากธารินทร์ รสสุคนธ์เลยนั่งหน้าเชิด
“คนดีอย่างคุณน้า พระต้องคุ้มครอง”
รสสุคนธ์ก้มหน้า ซ่อนยิ้มสะใจ
ในห้องฉุกเฉิน พยาบาลสองคนพยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยไม่ได้ เครื่องกราฟแสดงให้เห็นว่าหัวใจไม่ทำงาน
“ผมว่าหมดหวังแล้วละ”
ชีพหน้าเสียไปหน่อยหนึ่ง
“ผมหวังว่าปาฏิหาริย์จะมีจริงอย่างที่น้องอุษาบอก”
“ถ้าหมอบอกว่าไม่มีหวัง ก็ต้องหมดหวังละครับ”
ลั่นทมนอนนิ่ง แต่เงาร่างของลั่นทมส่ายหน้า ร้องไห้ และวิงวอนในใจ
‘ชีพ อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ทมยังไม่ตาย ทมรู้สึกตัวทุกอย่าง แต่...ทมไม่มีแรง...พอ...ที่จะลุกขึ้นได้...ชีพ...อย่าทิ้งทมนะคะ’
ชีพเข็นรถที่ตนเองนั่งออกไปข้างนอก ลั่นทมพยายามเรียกแต่ชีพไม่ได้ยิน ‘ชีพ...ชีพ..
พยาบาลเอาผ้าขาวปิดหน้าลั่นทม สีหน้าเศร้าไป ลั่นทมพยายามตะโกนบอกแต่ไม่มีใครได้ยิน
‘เอาออกไป ฉันหายใจไม่ออก’
วัฒนาผลักประตูห้องฉุกเฉิน พร้อมกับเข็นรถของชีพออกมาด้วย ทุกคนมองไป สีหน้าของทั้งสองเศร้ามาก
“น้าชีพ...อย่าบอกนะว่า”
“หมดหวังแล้วละษา”
“พี่พยายามสุดความสามารถแล้วครับ น้องษา”
อุษาปล่อยโฮ วิ่งสวนเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“โธ่...คุณผู้หญิง”
หวานสะอื้น ทุกคนพากันสะอื้นเบาๆ ปาดน้ำตา รสสุคนธ์เมินไปทางอื่น แทบจะหลุดหัวเราะออกมา แล้วก็หันมาสบตากับชีพ สายตาทั้งสองบ่งชัดว่าสะใจ
อุษาเปิดผ้าคลุมหน้าลั่นทมออก เงาร่างของลั่นทมบอกกับอุษาอย่างร้อนรน
‘ษาช่วยน้าด้วย น้ายังไม่ตาย อย่าทำอะไรกับน้านะ ษา’
อุษาร้องไห้ไม่ได้ยินลั่นทม“คุณน้า..เข้มแข็งสิคะ คุณน้าต้องรู้สึกตัวเหมือนทุกครั้งนะคะ ไม่ยังงั้นเขาจะต้องเอาคุณน้าไปเผา ไปทำพิธีศพ”
ลั่นทมส่งเสียงจากข้างใน ‘ไม่นะษา..น้ายังไม่ตาย น้ารู้สึกตัวทุกอย่าง น้าเห็น น้าได้ยิน ษา...บอกเขาทีสิ’
ธารินทร์ปลอบใจอุษา “ษา คุณหมอพยายามกันเต็มที่แล้วนะครับ และคราวนี้คุณน้า ก็เป็นนานกว่าทุกครั้ง”
อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 3/2 วันที่ 17 เม.ย. 57
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นบท ประพันธ์โดย ประดิษฐ์ กัลย์จาฤกละครเรื่อง สุสานคนเป็น บทโทรทัศน์โดย ภาคย์รพี
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นกำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น ละครแนว ดราม่า รี้ลับ อาถรรพ์ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นผลิตโดย บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นออกอากาศ ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เร็วๆ นี้