อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 11 วันที่ 4 มิ.ย.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 11 วันที่ 4 มิ.ย.62

อินทร์เดินไปถึงลานจอดรถก็ได้รับโทรศัพท์จากดุษฎีบอกว่ากลินท์กำลังจะแถลงข่าว ย้ำกับอินทร์ว่า

“จะทำอะไรก็คิดให้ดีนะอินทร์ ยังไงยายติ๊ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียแกอยู่ แม่ไม่อยากให้มีข่าวอะไรมากไปกว่านี้” พออินทร์รู้ว่ากลินท์จะแถลงข่าวก็ร้อนใจ คิดวางสายทันที “ตาอินทร์...ตาอินทร์...ฉันยังพูดไม่จบเลย วางสายอีกแล้ว ลูกคนนี้นี่...เฮ้อ...”

อินทร์กดมือถือเข้าเฟซดูข่าวทันที เห็นสำนักข่าวบางแห่งกำลังไลฟ์กลินท์เปิดใจเรื่องตัวเอง เขามองลุ้นใจเต้นรัวกลัว ไม่รู้ว่ากลินท์จะพูดอะไร



กลินท์ออกมาแถลงข่าว เธอไหว้ทักนักข่าวแล้วพูดด้วยสีหน้าท่าทางเหนื่อย กลุ้ม ไม่สบายใจ

กลินท์ขอโทษ แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจะรับผิดชอบดูแลทุกเรื่องจนกว่าอาการของพี่ๆและลูกจะปลอดภัย และขอบคุณพี่ๆน้องๆ

ทุกคนที่ให้เกียรติมาฟังความจริงจากปากตนวันนี้

ลูกโซ่ถามว่าเหตุการณ์คืนนั้นเป็นยังไง คุณอินทร์กับคุณลินท์...กลินท์พูดแทรกทันทีว่า

“เราสองคนนัดคุยกันเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดกับเบนค่ะ” หมี่ซั่วขัดขึ้นว่าไม่จริง ไลฟ์สดก็เห็นๆกันอยู่ว่า คุณสองคนมียื้อยุดฉุดลากกัน ไปด้วยกัน กลินท์ยืนยันว่ากล้องวงจรปิดก็เห็นว่าตนไม่ได้เต็มใจ ตนถูกอินทร์ฉุดขึ้นรถ แล้วให้ทีมงานเปิดเทปจากกล้องวงจรปิดให้ดูกัน

ปติมาดูกล้องวงจรปิดเห็นอินทร์ผลักกลินท์

ขึ้นรถแล้วเสียใจสุดๆ ดุษฎีก็กุมขมับเพราะเห็นว่าอินทร์ผิดเต็มๆ กลินท์ยังคงแถลงข่าวต่อไปว่า

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้มีอะไรค่ะ คุณอินทร์กับลินท์แค่ตกลงกันเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดกับเบนไม่ได้ก็เลยทะเลาะกัน ไม่มีประเด็นชู้สาวเด็ดขาดค่ะ”

“อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ” หมี่ซั่วตะโกน

“ลินท์เข้าใจค่ะว่ามันยากที่ทุกคนจะเชื่อ เพราะที่ผ่านมาลินท์โกหก ลินท์ยอมรับ ที่ผ่านมาลินท์กับคุณอินทร์เคยคุยๆกันบ้าง แต่พอมีปัญหา ลินท์ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดี ทำให้ลินท์รู้สึกผิดต่อคนที่รักลินท์ ผิดต่อพี่ติ๊ ลินท์ขอโทษทุกคนค่ะ แต่ด้วยความสัตย์จริง ลินท์สาบานได้ คืนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด ลินท์ต้องการเคลียร์ปัญหาเรื่องเบนจริงๆค่ะ ขอบคุณทุกคนที่รับฟังลินท์ค่ะ”

กลินท์ยกมือไหว้จบการแถลงข่าว หมี่ซั่วไม่พอใจ แต่ป้าก็อตกับทีมเชียร์กลินท์ถอนใจอย่างโล่งอก ส่วน อินทร์อึ้งเมื่อรู้สัญญาณแน่ชัดว่ากลินท์พร้อมจบความสัมพันธ์กับตนจริงๆ

สายป่านที่เฝ้าเบนอยู่ที่โรงพยาบาลดูไลฟ์ของ

กลินท์แล้วถอนใจโล่งอก เอื้อมมือไปแตะมือเบนบอก...

“เรื่องยุ่งๆกำลังจะจบแล้ว คุณลุกขึ้นมาได้แล้วนะเบน”

เน่าไปถึงเชียงใหม่ก็รีบไปที่บ้านคนทรง เพียงเข้าไปบริเวณบ้านก็ได้ยินเสียงแม่อุ๊ยคนทรงเดินออกมาทักอย่างรู้ก่อนแล้ว บอกเน่าที่มองอย่างสงสัยว่า

“เจ้าพ่อน้ำทิพย์ท่านบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าเธอจะมาหา”

เน่าอึ้ง แต่แววตามีความหวังขึ้นมาก

ooooooo

อินทร์กลับไปที่บ้านเจอแม็คที่รออยู่ บอกว่าตนเกือบไปแจ้งคนหายแล้ว ถามอินทร์ว่าเห็นที่คุณกลินท์แถลงข่าวหรือยัง อินทร์บอกว่าตนเหนื่อยมากอย่าเพิ่งถามอะไรเลย

พออินทร์เข้าบ้านก็แปลกใจเมื่อเห็นปติมากำลังนั่งพิมพ์อะไรในมือถืออยู่ยิกๆ ถามว่าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ปติมาบอกว่าตั้งแต่รู้เรื่องที่เขากับกลินท์ขับรถชนคน แล้วลุกขึ้นพูดอย่างตึงเครียดว่า

“ตอนแรกฉันก็ว่าจะยอมเลิกกับคุณดีๆ แต่พอคุณทำแบบนี้ มันเหยียบหัวใจฉัน มันหยามน้ำหน้าฉัน เกินไปค่ะอินทร์”

“อะไรของคุณอีก ข่าวก็ออกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมกับกลินท์นัดเคลียร์กันเรื่องคุณขับรถชนเบน แล้วคุณจะเอายังไงอีก”

ปติมาว่าเขากับกลินท์ปั้นหน้าหลอกตนไม่ได้หรอก คนของตนไลฟ์ตั้งแต่เขากับกลินท์เจอกันที่โรงแรม ด่าว่าเขาหลงนังนั่นจนลืมความถูกต้อง อินทร์ถามว่าเธอกล้าพูดเรื่องความถูกต้องหรือทั้งที่เธอเองก็เพิ่งใช้ความโกรธทำร้ายคนอื่นจนเกือบตาย ด่าว่า “คุณมันก็ดีแต่ปากเท่านั้นแหละ”

ปติมาโกรธจนเอามือถือฟาดหน้าอินทร์ ยื้อยุดกันจนปติมาล้มหัวกระแทกขอบโซฟามือถือหล่นที่ปลายเท้าอินทร์ เขาหยิบขึ้นมาดูเห็นหน้าเพจและเห็นข้อความที่ปติมาพิมพ์ค้างอยู่แต่ไม่ทันได้โพสต์ อินทร์อึ้งคาดไม่ถึง ถามปติมาว่าเธอเป็นคนทำเพจแอนตี้ลินท์หรือ?

ปติมาถามว่าแล้วจะทำไม ไม่ใช่ตนคนเดียวที่เกลียดมัน มีแต่คนเกลียดนังลินท์ นังเมียน้อย!

ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง อินทร์บอกว่าเธอเลิกบ้าได้แล้วเพราะลินท์ไม่เอาตน ตะโกนใส่หน้าว่า

“แต่ต่อให้กลินท์ไม่เอาผม ผมก็ไม่เอาคุณอีกต่อไปแล้ว คุณมันบ้า ประสาท บ้าๆๆๆ”

อินทร์หุนหันเดินออกไป ปติมากรี๊ดสติแตก ร้อง “โอ๊ะ!” แล้วมีเลือดไหลออกจากจมูกก่อนเป็นลมแน่นิ่งไป มะยงชิดเข้าประคองร้องเรียกปติมาก็ไม่รู้สึกตัว จึงร้องเรียกอินทร์ อินทร์ชะงักและในที่สุดก็เดินกลับมา

เมื่อปติมาไปถึงโรงพยาบาล แพมรีบตามไปถามอินทร์ว่าติ๊เป็นยังไงบ้าง

อินทร์บอกว่าเพิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน ประชดว่า “นี่ก็รู้ไวซะจริงๆ”

“มะยงชิดโทร.บอก คงห่วงติ๊ที่ผัวไม่ดูดำดูดี”

“ไม่ดูได้ยังไง เมียทั้งคน”

“ฉันดีใจนะที่ได้ยินคำนี้...คุณอาจจะมีผู้หญิง

แวะเวียนเสนอหน้ามาให้คุณเลือกมากมาย แต่ติ๊คือเมียคุณ จะทะเลาะตบตีด่าทอกันแค่ไหน คุณทำผิดแค่ไหน ติ๊ก็เลือกที่จะอยู่กับคุณ เพราะติ๊รักคุณ”

อินทร์อึ้งกับคำพูดของแพม

“คุณโชคดีมากเลยนะ เพราะชีวิตคนคนนึงนอกจาก พ่อแม่ครอบครัว จะมีใครรักคุณได้มากถึงขนาดนี้ ฉันอยากให้คุณคิดดูดีๆ”

พูดแล้วแพมเลี่ยงไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน รอดูอาการของปติมาอย่างร้อนใจ ส่วนอินทร์นิ่งเงียบ สายตาเขานิ่งอย่างคิดสิ่งที่แพมพูด

กลินท์ไปที่ห้องที่เบนรักษาตัวอยู่ เจอหมอกำลังตรวจเบนพอดี เธอถามว่าเบนเป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่าผลเอกซเรย์สมอง ตรวจคลื่นหัวใจก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่แปลกที่เบนยังไม่รู้สึกตัว แต่ยังไงหมอก็จะอัปเดตอาการของเบนวันต่อวันไม่ต้องห่วง

กลินท์ขอบคุณ บ่นว่าตนเป็นตัวซวยจริงๆ เบนไม่น่ามารับเคราะห์แทนตนเลย แต่ตนก็จะพยายามเคลียร์ทุกอย่าง ขอให้เบนช่วยฟื้นขึ้นมาคุยกับตนบ้างได้ไหม

สายป่านเข้ามาถามว่าเบนเป็นยังไงบ้าง กลินท์ว่าไม่รู้ ตนกลัวเบนจะเป็นอย่างหลุยส์ สายป่านเล่าว่า

“เน่าโทร.มา...บอกว่าเจ้าพ่อน้ำทิพย์ท่านว่าดวงจิตของเบนแค่ไปเที่ยวเล่นหรือหลงทางหาทางกลับไม่ได้ สิ่งที่จะทำให้เบนกลับมาได้คือความรัก ความผูกพันระหว่างเธอกับเขา หลุยส์ เทียนคำ เธอจำอะไรได้บ้างไหมลินท์”

กลินท์มองเบนที่นอนนิ่ง ทบทวนความสัมพันธ์ที่ผ่านมา เบนยังคงนอนนิ่ง กลินท์จับมือเบนพึมพำ

“ฉันจำเรื่องราวระหว่างคุณกับฉันได้หมด แต่เรื่องของหลุยส์กับเทียนคำ ฉันจะพยายามนั่งสมาธิ ตั้งสติรื้อฟื้นอย่างที่สุดนะเบน”

ooooooo

ปติมานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง อินทร์นั่งเฝ้าหน้าเครียด ปองศรีกับวิศาลพ่อกับแม่ของปติมา

นั่งดูลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

ปองศรีตำหนิอินทร์ว่าถ้าเขาไม่เจ้าชู้ ติ๊ก็ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้ จ้องหน้ากล่าวโทษ

“เป็นเพราะเธอ...เธอคนเดียวเลยอินทร์”

วิศาลถามหมอว่าตกลงติ๊เป็นอะไร หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองด้านซ้ายแตก ทำให้ไม่ได้สติ หรือถ้าได้สติกลับมาแล้ว คุณติ๊อาจจะไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม ทุกคนหน้าซีดเผือด ปองศรีกรี๊ดใส่อินทร์ทันที

“เพราะเธอ...เธอคนเดียว! ชู้ของเธอด้วย...นังลินท์!”

อินทร์เครียดหนักกินไม่ได้นอนไม่หลับจนแม็คเป็นห่วง เขาถามแม็คว่าตนเลวมากเลยใช่ไหม

แม็คบอกว่าไม่ต้องพูดแล้ว แค่นี้ตนก็รู้แล้วว่า

คุณอินทร์รู้สึกผิดขนาดไหนแล้ว ขณะอินทร์กำลังอัดอั้นนั้นดุษฎีก็โทร.เข้ามาไม่หยุด แม็คมองอินทร์อย่างเข้าใจบอกว่าอย่าเพิ่งคุยตอนนี้เลยเดี๋ยวจะยิ่งแย่ไปใหญ่ เสนอว่าช่วงนี้พ่อแม่คุณติ๊กับคุณแพมเฝ้าอยู่โรงพยาบาลตลอด ให้คุณอินทร์ไปพักบ้างก็ได้

อินทร์บอกว่าถ้าคุณแม่ตามมาที่บ้านตนก็ไม่ได้พักอยู่ดี แล้วอินทร์ก็คิดออกบอกแม็คอย่างตื่นเต้นว่า

“ฉันนึกออกแล้วว่าจะไปที่ไหน ต่อให้คุณแม่รู้ก็ไม่กล้าตามไป”

ที่ที่อินทร์จะไปคือบ้านของสรวงคุณพ่อของเขาเอง อินทร์บอกพ่อว่าตนไม่ไหวแล้วไม่อยากเจอหน้าใครเลยนอกจากพ่อ สรวงดูอาการแล้วรู้ว่าอินทร์กำลังทุกข์หนักจริงๆ

ฝ่ายเน่าก็ยังคงอยู่กับตำรากองโตหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ บอกกลินท์ว่าไม่มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับหมอหลุยส์โดยตรง เจอแต่ข้อมูลของมิชชันนารี ไม่รู้จะเกี่ยวข้องกับหมอหลุยส์หรือเปล่า กลินท์จ้องหน้าเน่าเป๋ง

เน่าเล่าว่า หลังจากที่พ่อหลวงพาครอบครัวมาอยู่เชียงใหม่ได้หนึ่งปี ศาสนทูตโจนธานวิลสันกับครอบครัวก็เดินทางมากรุงเทพฯเพื่อมาช่วยงานของพ่อครูหลวงและแม่ครูหลวง ยิ่งนานวันชาวบ้านชาวเมืองยิ่งกล่าวขวัญถึงคุณงามความดี จนพ่อครูหลวงกับ

แม่ครูหลวงกลายเป็นขวัญใจของชาวบ้านชาวเมืองเชียงใหม่ ทำให้เจ้าหลวงเชียงใหม่ไม่พอใจอย่างยิ่ง

เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ชาวบ้าน เจ้าหลวงจึงตัดไฟเสียแต่ต้นลมสั่งประหารชีวิตน้อยสุริยะและ

หนานชัยข้อหาละทิ้งศาสนาพุทธเข้าเป็นคริสเตียน กลินท์ฟังแล้วเอะใจว่าหรือตนจะเป็นชนวนเหตุในครั้งนี้ด้วย แล้วหลุยส์ล่ะ หลุยส์จะเป็นยังไง?

เหมือนตัดสินใจอะไรได้ฉับพลัน กลินท์บอกเน่ากับสายป่านว่าถ้าตนไม่อยู่เธอสองคนอย่าทิ้งเบนนะ บอกว่าวันนี้เหนื่อยมากขอกลับไปก่อน แล้วขอลงไป

ฝากเบนกับคุณพยาบาลข้างล่าง

กลินท์ลงไปนานจนเน่าเอะใจ สายป่านจึงลงไปถามพยาบาลว่าเห็นกลินท์ไหม พยาบาลบอกว่ามาฝากให้ช่วยดูแลเบนแล้วก็ลงลิฟต์ไป แต่ที่แท้

กลินท์ขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว สายป่านขึ้นไปบอกเน่าว่าเราถูกลินท์หลอกอีกแล้ว ต่างมองเบนที่ยังนอนไม่รู้เรื่องอยู่ที่เตียงอย่างเป็นห่วง

ooooooo

คืนนี้เอง...กลินท์ในชุดล้านนามีปิ่นปักผมไป

ที่ประตูเชียงใหม่ มองประตูนึกในใจ

“ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะมีโอกาสมาแก้ไขในสิ่งที่ฉันทำ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกด้วยเทอญ” กลินท์ยกมือไหว้แล้วก้าวผ่านประตูไป

คืนเดียวกัน เน่าที่นั่งทำงานในโน้ตบุ๊กร้องเรียกสายป่านที่นอนบนโซฟาอย่างตื่นเต้นบอกว่ามีคนแชร์ภาพลินท์อยู่ที่ประตูเชียงใหม่ สายป่านลุกพรวดไปดูเห็นลินท์อยู่ที่ประตูเชียงใหม่จริงๆ

กลินท์เข้าประตูเชียงใหม่ไปอย่างตื่นเต้นเมื่อ

รู้ว่าได้ย้อนสู่อดีตแล้ว พอเร่งฝีเท้าเข้าไปก็ชะงักเมื่อมี

เสียงม้าเดินมา กลินท์หลบแต่กลับได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นหู

“เทียนคำ”

“หลุยส์...”

หลุยส์โดดจากหลังม้า กลินท์ปราดเข้าไปจับคลำเนื้อตัวหลุยส์ร้องอย่างตื่นเต้นว่าเขายังไม่ตาย โผเข้ากอดหลุยส์แน่น หลุยส์ตอบดีใจไม่น้อยกว่ากันว่า

“ไม่ใช่ไม่ตายอย่างเดียว ผมยังมารอคุณที่นี่ทุกวันตามที่สัญญากับคุณไว้”

“แล้ววันนั้นคุณเป็นยังไงบ้างคะ”

หลุยส์หน้าเครียดทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญในวันนั้น...

หลุยส์เล่าว่า วันนั้นพ่อครูหลวงมาช่วยตน ท่านขอร้องกับทางเจ้าหลวงให้ปล่อยตน รับประกันว่าถ้ายังไม่มีการตัดสินคดีความทางมิชชันนารีจะไม่พาตนหนีไปไหน เจ้าหลวงท่านคงเกรงใจพ่อครูหลวงอยู่บ้าง อีกอย่างตนก็ไม่มีความผิดอะไรชัดเจน

ท่านจึงยอมผ่อนปรนและเลื่อนการตัดสินออกไป

“ฉันจะไปด้วย ฉันจะไปเป็นพยานให้คุณเอง

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะไม่ทิ้งคุณอีกแล้วหลุยส์” กลินท์จับมือหลุยส์แน่นพูดอย่างเด็ดเดี่ยว

ที่คุ้มเวียงสวรรค์...เจ้าเวียงสวรรค์ยังนอนไม่ได้สติ เจ้าน้อยนั่งกุมขมับอย่างคิดอะไรไม่ออก เจ้าช่อเอื้องนั่งมองเจ้าเวียงสวรรค์อย่างเป็นห่วง แต่อีกมุมหนึ่ง

เจ้าวงเดือนนั่งจับตาดูอย่างประเมินสถานการณ์

แววตาแฝงความร้อนรนปนความสะใจ

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 11 วันที่ 4 มิ.ย.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ