อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 10 วันที่ 2 มิ.ย.62
กลินท์วิ่งไปจนเหนื่อยหอบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนของสม“ค้นให้ทั่ว จับตัวอีเทียนคำมาให้ได้”
กลินท์วิ่งไปสุดชีวิตแต่สะดุดกิ่งไม้ล้ม ตกใจร้องจนพวกสมได้ยินบอกให้วิ่งตามไป พอทันก็กระชากกลินท์ ตะคอก
“มึงหนีไม่พ้นหรอกอีเทียนคำ...มากับกูดีๆ!”
ขณะสมกำลังลากกลินท์อยู่นั้น หลุยส์กระโดดลงจากหลังม้า บอกสม
“ผู้หญิงคนนี้ขโมยยาจากศาลาย่าแสงคำมาจริงๆ พ่อครูหลวงท่านไม่สบายใจมากให้ผมมาเอาตัวไปสอบสวน”
กลินท์ไม่ยอมไปกับใครทั้งนั้น หลุยส์จะเอาไปให้ได้ สมก็จะเอาไปหาน้อยพุทธวงศ์ก่อน
“ผมรู้ ผมจะพาผู้หญิงคนนี้ไปเอง”
หลุยส์กระชากกลินท์ขึ้นหลังม้าไปอย่างเร็วจนทุกคนตามไม่ทัน แต่สมชมว่าหมอหลุยส์เก่งจับอีเทียนคำไปได้ง่าย ทหารคนหนึ่งเอะใจถามว่า
“แล้วทำไมหมอหลุยส์พาอีเทียนคำไปทางกำแพงเมืองด้วย ทางไปคุ้มมันไปอีกทางนี่”
สมเพิ่งนึกได้ หน้าตาเลิ่กลั่กว่าจริงด้วย ถามว่าเอาไงดี แล้วสั่งทหารให้ตามไปเร็ว
“ข้าจะไปสู้อะไรกับม้า กลับไปเอาม้าและแจ้งให้ทุกคนไปดักทุกประตู” ทหารคนหนึ่งเสนอ สมเลิ่กลั่กสุดท้ายก็วิ่งตามทหารกลับไป
ooooooo
หลุยส์ขี่ม้าพากลินท์หนี กลินท์เหลียวมอง
บอกว่ามันตามเราไม่ทันแล้ว ขอบคุณหลุยส์บอกว่านึกว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
“ต้องเจอสิ แต่ผมหาปิ่นไม่เจอ นี่ผมก็ต้องอาศัยชาวบ้านให้ไปส่งที่เรือนเพื่อเอาม้ามาช่วยคุณ”
“แล้วคุณก็ช่วยฉันได้จริงๆ”
“ช่วยได้แค่หนี แต่ปิ่นของคุณ...”
กลินท์เอาปิ่นออกจากชายพกบอกว่าตนเจอมันแล้ว เจ้าวงเดือนเก็บมันไว้ หลุยส์มองกลินท์เศร้าถามว่าตกลงเธอสามารถกลับไปโลกของเธอได้แล้วใช่ไหม กลินท์ทำเสียงฮื่อในคอบอกว่าแต่ตนเป็นห่วงเขา หลุยส์บอกว่าไม่ต้องห่วงแล้วบรรจงปักปิ่นให้ที่ผม
“ป่านนี้พวกนั้นคงรู้แล้วว่าถูกเราหลอก”
“ตอนนี้คุณรีบกลับโลกของคุณเถอะ” หลุยส์กระตุกม้า กลินท์เอามือแตะที่อกเขาเชิงห้ามหลุยส์
ถามว่ามีอะไรอีก กลินท์บอกว่าตนรู้สึกเหมือนว่าจะไม่ได้เจอเขาอีก “ถ้าคุณเชื่อในพรหมลิขิต สักวันเราต้องได้กลับมาเจอกัน...สักวัน”
หนุ่มสาวสบตากันใต้แสงจันทร์ แล้วหลุยส์ก็ตัดใจพากลินท์ออกไป
ฝ่ายสมกับพวกทหาร ก็ตามหาหลุยส์กับกลินท์ให้ควั่ก
เวลาเดียวกัน เบนที่เป็นห่วงกลินท์อย่างมาก
สวดมนต์ไหว้พระในห้องพระที่บ้าน อธิษฐานในใจ
“ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ขอผลบุญที่ผมเคยทำมา หนุนนำให้คุณปลอดภัยนะลินท์”
เบนยกมือไหว้ ก่อนปักธูปลงแต่ปักตื้นไม่แน่นทำให้ธูปเอียงไปทางเทียน แต่เบนไม่ทันได้สังเกต พอดีลมพัดเบนจึงลุกไปปิดหน้าต่าง ธูปเอียงไปทางเทียนทำให้เทียนติดลุกเป็นไฟ พอดีสายป่านผ่านมาเห็นรีบเข้าไปดับ เหลือแต่เทียนกับธูปที่ยังไหม้ไม่หมด ทั้งสองมองเทียนที่ยังมีไฟแผ่วๆใจคอไม่ดี
เบนคิดในแง่ดีว่าแสงไฟที่ยังไม่ดับ...แสดงว่า ยังมีความหวัง
เป็นเวลาที่หลุยส์พากลินท์ไปถึงประตูสวนดอกพอดี แต่ก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งที่มาดักอยู่กระชากกลินท์ไป หลุยส์จะเข้าไปช่วยก็ถูกทหารขู่ว่าหมอฝรั่งอย่ายุ่ง ตนต้องเอาตัวผู้หญิงคนนี้ไป หลุยส์ถามว่าเธอทำอะไรผิด เธอไม่ได้ทำอะไรผิด
“ผิดหรือไม่ผิดอยู่ที่การสอบสวน”
“แต่เธอกำลังจะไปจากที่นี่แล้ว และเธอจะไม่กลับมาอีก ปล่อยเธอไปเถอะ”
ทหารไม่ยอม กลินท์กัดมือทหารที่จับจนมันปล่อย หลุยส์บอกให้รีบหนีไป กลินท์ห่วงหลุยส์ถามว่าแล้วเขาล่ะ หลุยส์ตะโกน “รีบไป!”
“ฉันจะกลับมาหาคุณนะหลุยส์” กลินท์วิ่งหนีพลางหันมาตะโกนบอก
แต่ในสายตาของกลินท์ เห็นทหารจับตัวหลุยส์ขณะที่ตัวเองวิ่งผ่านประตูข้ามกาลเวลาไป และประตูกำลังปิด กั้นระหว่างตัวเองกับหลุยส์ลง...
ooooooo
เบน เน่า และสายป่านไปที่ประตูสวนดอกอย่างกระวนกระวาย เน่าถามว่าตกลงพวกเราไม่ได้บ้าใช่ไหม สายป่านว่ามาถึงขนาดนี้แล้วบ้าก็บ้าเถอะ เน่าบอกเบนว่างั้นลองดูสักตั้งนะ
“อือ...ขนาดเทียนที่ห้องพระถูกน้ำแต่แสงเทียนยังไม่ดับ ฉันก็ต้องมีความหวังว่าลินท์จะต้องกลับมา”
ทั้งสามมองไปที่ประตูสวนดอกอย่างใจจดใจจ่อ พลันทุกคนก็ตะลึงร้องลั่น
“ลินท์!!”
กลินท์ปลิวออกจากประตู ไม่ได้ยินเสียงใครเพราะความรู้สึกสุดท้ายที่พูดออกมาคือ “คุณต้องปลอดภัยนะหลุยส์” พอร่างกระทบพื้นก็หมดสติไปท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน พอนำส่งโรงพยาบาลก็ยังพึมพำทั้งที่เหมือนหมดสติอยู่ “หลุยส์...หลุยส์...รีบหนีไป!”
เป็นเวลาที่หลุยส์ถูกจับตัวไปมอบให้น้อยพุทธวงศ์ที่คุ้มเวียงสวรรค์ น้อยพุทธวงศ์พูดอย่างดุดันว่า
“ท่านเป็นคนต่างถิ่น แต่กลับคิดร้ายร่วมมือกับขี้ข้าปองร้ายถึงเชื้อเจ้าเชื้อนาย” หลุยส์บอกว่าตนไม่ได้ทำร้ายใครเลย “แต่ตอนนี้เจ้าเวียงสวรรค์สิ้นแล้ว...เพราะฉะนั้นท่านก็ต้องตายเช่นเดียวกัน”
สิ้นเสียงน้อยพุทธวงศ์ ทหารหยิบดาบยาวเกือบวา คมวับ ฟันฉับที่คอหลุยส์ เพียงดาบเดียวก็ขาดกระเด็นเลือดพุ่งกระฉูดจากคอที่ไร้ศีรษะ!
“หลุยส์!”
กลินท์กรี๊ดสุดเสียงทั้งที่หลับอยู่ เบนพุ่งเข้าหา เห็นกลินท์ร้องไห้ถามว่า “ร้องไห้ทำไม”
“เบน...หลุยส์...ฉันห่วงหลุยส์” พูดได้แค่นั้นก็ร้องไห้โฮอย่างขวัญเสีย สติแตก
เน่ากับสายป่านกำลังเดินซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เกต ได้รับโทรศัพท์จากเบนบอกว่าลินท์ฟื้นแล้ว สายป่านชวนเน่ารีบกลับ พอดีมือถือเน่าดัง เน่ามองมือถือแล้วบอกสายป่านให้ไปก่อนเดี๋ยวตามไป แล้วคุยโทรศัพท์บอกความคิดถึงกันอย่างอ่อนหวาน เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับทันที
สายป่านหันมองสงสัยว่าเน่าคุยกับใครดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้สงสัยเลยว่าปลายสายที่เน่าคุยด้วยนั้น ...เป็นคนพิเศษของเน่าที่สายป่านไม่เคยรู้จักเลย
กลินท์บอกเบนว่าตนเป็นห่วงหลุยส์ เบนปลอบว่ามันเป็นแค่ความฝัน
“แต่สำหรับฉันความฝันคือการบอกเล่าเรื่องราว คือการย้อนอดีต...และที่ผ่านมา มันเป็นลางบอกเหตุ เป็นจริงทุกเรื่อง”
“แต่ครั้งนี้ผมว่า...ไม่มีอะไรหรอก”
พอดีเน่ากับสายป่านมาถึงต่างแสดงความยินดีต้อนรับการกลับมาอย่างปลอดภัย กลินท์ก็ดีใจแต่พึมพำถึงหลุยส์ เบนรีบตัดบทว่าลินท์เพิ่งฟื้นอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย สายป่านถามว่ามีอะไรหรือ เบนว่าไม่มีอะไร
“ที่ไม่กล้าบอกฉัน เพราะกลัวฉันจะไม่เชื่ออีกล่ะสิ”
สายป่านพูดอย่างรู้สึกผิด...เสียใจ ทั้งขอโทษกลินท์ที่ที่ผ่านมาตนไม่ยอมฟังสิ่งที่เธอพยายามจะบอกเลย กลินท์ถามงงๆว่า “แปลว่าตอนนี้เธอเชื่อฉันแล้วเหรอ?”
“เชื่อ”
เบนบอกว่าพวกเราเห็นรูปเธอในหนังสือประวัติศาสตร์ที่กาดกลางเวียงด้วย เน่าเสริมว่าแล้วเราก็ไปหาเจ้าพ่อน้ำทิพย์ กลินท์ตาเป็นประกายถามว่าท่านว่ายังไงบ้าง เบนเล่าว่า
“ท่านก็ว่า...ในอดีตคุณมีเรื่องติดค้างในใจ เจ้าพ่อท่านบอกให้คุณไปทำสิ่งนั้นซะ เพื่อลดความโกรธ ความเคียดแค้นในใจ”
เบนยังเล่ารูปธรรมว่าเจ้าพ่อน้ำทิพย์บอกว่า เป็นเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อเทียนคำ ที่เขาอยากจะทำแต่ทำไม่ได้ ถามกลินท์ว่าเธอรู้ไหมว่าเรื่องอะไร
“มันเยอะแยะมากมายหลายเรื่อง แต่สิ่งที่พวกคุณอยากให้ฉันทำก็คือคืนเจ้าน้อยให้เจ้าวงเดือนใช่ไหม” สายป่านบอกว่าใช่ รวมทั้งคืนคุณอินทร์ให้พี่ติ๊ด้วย “ตอนนี้ฉันไม่ได้อยากได้อินทร์อีกแล้วนะป่าน ฉันจะคืนอินทร์ให้พี่ติ๊แน่นอน แต่ขอคิดดูก่อนว่าจะคืนแบบไหน”
เบนให้กำลังใจว่าแค่เธอคิดจะไม่กลับไปหาคุณอินทร์ก็เท่ากับว่าสิ่งที่เจ้าพ่อแนะนำประสบความสำเร็จแล้ว เน่าเสริมอย่างยินดีว่า แค่ความตั้งใจดีๆเดี๋ยวสิ่งดีๆก็ตามมาแล้ว สายป่านบอกลินท์ให้คิดมาว่าเทียนคำติดค้างอะไรมากที่สุด อยากทำอะไรมากที่สุด
“เทียนคำรักพ่อมาก สิ่งที่เทียนคำติดค้างน่าจะเป็นการฟ้อนรำแก้บนที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง” กลินท์พึมพำแล้วบอกทุกคนอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ฉันจะเป็นตัวแทนของเทียนคำรำแก้บน”
คืนนี้...กลินท์ในชุดล้านนาโบราณ เกล้าผมด้วยปิ่น สวมสร้อยที่สร้อยสังวาลให้ไปยืนอยู่ต่อหน้าพระธาตุ
มีเบน สายป่านและเน่ายืนเคียงข้าง เบนถามว่าเธอรำเป็นด้วยหรือ กลินท์บอกไม่เป็น แต่มั่นใจว่าดวงจิตของเทียนคำจะทำให้ตนรำแก้บนได้ ทุกคนจึงถอยห่างออกมา
กลินท์นั่งคุกเข่าหลับตา ดวงจิตตั้งสมาธินึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต อธิษฐาน...
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองพระธาตุศรีจอมทองเจ้าขา ชาติที่ผ่านมาลูกไม่อาจทำตามที่บนบานไว้ จึงมีคนต้องตายเพื่อปกป้องกับคำสัตย์นั้น วันนี้ลูกในตัวแทนดวงจิต
ของเทียนคำ ขอฟ้อนบูชาพระธาตุศรีจอมทอง...ขอ พระธาตุศรีจอมทองโปรดเมตตาและถอนคำสาบานที่ให้ไว้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
ทุกคนเห็นความมหัศจรรย์เกิดขึ้น เมฆดำที่บังดวงจันทร์เคลื่อนออก ทั่วทั้งบริเวณนั้นสว่างนวลด้วยแสงจันทร์ เน่าบอกว่าลินท์ไหว้สวยมาก สายป่านว่าตนไม่เคยเห็นลินท์ไหว้แบบนี้มาก่อนเลย เบนเสริมว่า
“อย่างที่ลินท์ว่านั่นแหละ บางที...คนที่อยู่กับลินท์ตอนนี้อาจไม่ใช่ดวงจิตของลินท์คนเดียว...ถ้าเป็นเทียนคำเธอกำลังทำในสิ่งที่เธออยากทำแล้ว”
แล้วทุกคนก็ตะลึงอึ้ง เมื่อกลินท์ร้องไห้ และพร่ำออกมาเป็นภาษาเหนือ
“พ่อหนานแก้ว...ข้ามาปลดปล่อยให้พ่อแล้ว ถึงมันจะสายเกินไป แต่ข้าตั้งใจทำเพื่อพ่อจริงๆ”
ทุกคนยังเห็นหนานแก้วนั่งข้างๆกลินท์ ก้มกราบพระธาตุศรีจอมทอง หนานแก้วยิ้มบางๆยินดีกับการมาของเทียนคำ
ที่วัด...แม่ชีธารทองสะดุ้งตื่นกับความฝันในนิมิตเห็นภาพทั้งหมด แม่ชีลุกขึ้นหยิบธูปเทียนไหว้พระในห้อง สีหน้ายินดีหมดห่วง โล่งใจ พลันก็กลับเศร้าหมอง
เมื่อมองไปนอกหน้าต่างเห็นดวงจันทร์ที่ทอแสงสว่างนวลถูกเมฆบังจนมิด แม่ชีรู้ทันทีว่า พระจันทร์...วงเดือน ยังมีเวรกรรมไม่จบสิ้นกับกลินท์ต่อไป
เวลาเดียวกันที่คุ้มเวียงสวรรค์ เจ้าวงเดือนกำลังเดือดดาลใส่ไพคาที่เทียนคำหนีไปได้อีกแล้ว ไพคาถามว่าทำไมเจ้าไม่ท่องมนตร์กาลีมรณะครอบงำมันเหมือนที่ทำใส่เจ้าเวียงสวรรค์และคุ้มนี้เล่า เจ้าวงเดือนบอกว่าตนทำแล้วแต่มนตร์กาลีทำอะไรมันไม่ได้ ไพคาถามว่าหรือมันไม่ใช่คนจริง
“ใช่ มันต้องไม่ใช่คน มิเช่นนั้นมนตร์ของข้าต้องจัดการมันได้เหมือนเจ้าเวียงสวรรค์ นี่ถ้าไม่ติดที่
เจ้าเวียงสวรรค์ต้องทำพิธีสืบทอดองค์รัชทายาทให้กับเจ้าน้อย ข้าคงให้ตายไปแล้ว ไม่ปล่อยให้นอนพะงาบๆ แบบนี้หรอก” แล้วกระซิบกับไพคาว่า “ช่วงหน้าสิ่ว หน้าขวานแบบนี้ ข้ายังไปที่ลับของเราไม่ได้ ไพคา...เอ็งจัดแท่นบูชาไว้ที่ห้องเอ็งนะ ข้าจะได้ท่องมนตร์กาลีมรณะได้สะดวกหน่อย...บางทีข้าอาจจะท่องมนตร์ให้ไอ้สิงห์กลับมา”...
หลังจากกลินท์รำแก้บนแล้ว รุ่งขึ้นใส่บาตรร่วมกับทุกคน เสร็จแล้วเบนถามว่าสบายใจขึ้นหรือยัง กลินท์พยักหน้า เน่าชมว่ารู้ไหมเมื่อคืนเธอรำได้สวยมากแล้วก็ร้องไห้ด้วย กลินท์บอกว่ารู้ สายป่านถามว่า
“แสดงว่าเมื่อคืน เธอรู้สึกตัวตลอด”
“ใช่ เหมือนที่ผ่านมา ฉันรู้สึกสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนึกคิดความเจ็บปวดของเทียนคำ แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ฉันดีใจมากด้วย ที่เทียนคำกับพ่อหนานแก้วได้กลับมาเจอกันอีก” เบนถามว่างั้นความรู้สึกของเธอก็ดีขึ้นแล้วใช่ไหม “ก็ตื้นตันปลื้มปีติใจที่ได้ทำตามคำบนบาน แต่ฉันยังรู้สึกถึงความแค้นของเทียนคำ เทียนคำ...ยังไม่ยอมปล่อยวาง”
สายป่านถามว่าเทียนคำหรือเธอ เน่ารีบบอกว่าเทียนคำหรือลินท์ก็ดวงจิตเดียวกันนั่นแหละ
“งั้น...เธอก็ต้องปล่อยวาง เพราะตอนนี้เธอจากอดีตมาแล้ว เธอต้องอยู่กับปัจจุบัน”
“มันพูดง่ายนะป่าน แต่มันทำยาก เพราะ...การจากมาของฉันได้สร้างปัญหาใหญ่หลวงไว้กับหลุยส์ ฉันไม่รู้จริงๆว่าเหตุการณ์หลังจากฉันกลับมาโลกปัจจุบันหลุยส์จะเป็นยังไง”
ทุกคนมองกลินท์อย่างเป็นห่วง...วันต่อมาเบนกับสายป่านไปหาแม่ชีธารทองที่วัด เล่าเรื่องกลินท์ให้แม่ชีฟังแล้ว เบนถามว่าตนควรทำยังไงกับกลินท์ดี
“ธรรมชาติสร้างคนเราไม่ให้จดจำอดีตได้ก็เพราะกลัวมีเรื่องวุ่นวาย พยาบาท อาฆาตแค้น ทางที่ดีพาแก้วออกไปจากพื้นที่ความทรงจำนี้ดีกว่า อย่าให้แก้วอยู่ในที่ที่จะกระตุ้นฟื้นความทรงจำของแก้วเลย”
ooooooo
วันต่อมา สายป่านกับเบนพากลินท์กลับกรุงเทพฯ เบนบอกกลินท์ว่าเธอต้องผ่านอดีตเพื่ออยู่กับปัจจุบันและอนาคตให้ได้ สายป่านย้ำว่าคนที่เธอควรนึกถึงให้มากที่สุดคือตัวเอง กลับมาคราวนี้ก็ปฏิวัติภาพตัวเองใหม่เสีย เผื่อคนดูเขาจะให้โอกาส
พากลินท์กลับคอนโดแล้วสายป่านไปหาน้องขนมกล้วยโดยพาเบนไปด้วย เพราะเธอไม่อยู่ตนเลยรับงานให้น้องเขาคู่กับเบน เสร็จงานแล้วจะรีบกลับมา กลินท์เห็นสายป่านเดินไปกับเบนแล้วรู้สึกเหงาขึ้นจับใจ
ส่วนเน่ากลับถึงห้อง เห็นห้องมีลูกโป่งสีชมพูขาวเต็มห้อง หนิมถือเค้กน่ารักแอบอยู่หลังประตู โผล่ร้อง
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์”
หนิมจัดวันเกิดให้เน่าเซอร์ไพรส์ที่คบกันมา 10 ปี ไม่เคยทำอะไรหวานๆแบบนี้เลย เน่าเลยขอแต่งงาน
พูดออกตัวว่าถึงวันนี้จะยังไม่มีแหวนแต่ตนก็ตั้งใจขอหนิมแต่งงานจริงๆ หนิมตอบรับน้ำตาคลอ เน่าดีใจโผกอดหนิมจนเค้กที่หนิมถือเละ ทั้งสองกอดกันหัวเราะอย่างร่าเริงมีความสุข
แม้เบนกับสายป่านจะพยายามพากลินท์ไปทำกิจกรรมเพื่อให้เพลินและลืมอดีต แต่กลินท์ก็ลืมไม่ได้หมกมุ่นครุ่นคิดเป็นห่วงหลุยส์เพราะตนเป็นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด และตนก็ฝันเห็นหลุยส์ถูกตัดหัวด้วย
“มันแค่ความฝัน อย่าคิดฟุ้งซ่าน ตอนนี้คุณควรจัดการเรื่องปัจจุบันก่อน โดยเฉพาะเรื่องของคุณกับคุณอินทร์” เบนจับมือกลินท์ให้กำลังใจ “ผมเชื่อใจคุณ เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องมั่นใจคุณเองเหมือนกัน”
กลินท์ยิ้ม มองเบนอย่างอุ่นใจ
ooooooo
ปติมายังคงทำสงครามประสาทกับอินทร์และกลินท์ไม่เลิก วันนี้ก็ชวนอินทร์ไปทะเล บอกแพมว่าถ้าตนเดาไม่ผิด อินทร์อยู่นี่ อีกไม่นานกลินท์ก็ต้องแล่นตามมา
กลินท์อ่านเพจแอนตี้ตนที่เบนเอาให้ดูแล้ว
มุ่งหน้าไปหัวหินทันที เบนถามว่าแล้วเธอรู้หรือว่าพี่ติ๊กับคุณอินทร์พักที่ไหน กลินท์บอกว่าไม่รู้แต่เดาเอาเพราะตนอยากเจอพี่ติ๊เร็วๆ จะได้บอกว่าตนไม่ได้สนใจอินทร์อีกแล้ว
ที่แท้กลินท์รู้จากลูกโซ่แล้วว่าแอดมินแอนตี้เพจส่วนใหญ่คือยูสเซอร์ที่เข้ามาตั้งแต่โพสต์แรกๆที่ตั้งเพจแล้วก็แชร์บ่อยๆ ร้อยทั้งร้อยเป็นเจ้าของเพจ ตนไม่อยากฟันธงแต่เชื่อว่าเป็นพี่ติ๊ และเมื่อหยิบโทรศัพท์มาดูเห็นข้อความ “นี่ก็เห็นว่าพี่ติ๊กับอินทร์ไปสวีตฉลองครบรอบแต่งงานกันที่หัวหิน หวังว่านางมารร้ายคงไม่ตามไปขัดขวางหรอกนะ” อ่านแล้วกลินท์คิดวางแผนบางอย่างทันที
ooooooo
ปติมาชวนอินทร์มาหัวหินโดยพาแพมมาด้วย แม้อินทร์จะเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมมาตามใจเธอ แต่ทั้งสองก็ทะเลาะกันจนแพมขอกลับเพื่อสองคนจะได้อยู่กันแบบส่วนตัว
กลินท์มาถึงหัวหินอย่างหงุดหงิด เบนถามว่าที่หงุดหงิดเพราะยังยอมรับไม่ได้ใช่ไหมถ้าคุณอินทร์กับพี่ติ๊คืนดีกันจริงๆ กลินท์บอกตรงๆว่าตนคงเสียใจ ตนไม่ได้คิดจะกลับไปคืนดีกับอินทร์ แต่ตนไม่อยากเห็นเขาสองคนรักกันอีก ตัดบทว่าพูดไปเบนก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของตนหรอก สายป่านก็โทร.เตือนให้ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน อย่าให้มีข่าวฉาวออกมาอีกว่าเธอกับเบนอยู่ห้องเดียวกัน กลินท์บอกว่าไม่มีแน่เพราะเบนไม่ยอมอยู่ห้องเดียวกับตน เขาแยกห้องไปอยู่คนละฝั่งกับตน พูดแล้ววางสายเลยจนสายป่านด่าไม่ทัน
พอวางสายแล้ว กลินท์รู้สึกผิดที่หลอกทั้งเบนและสายป่าน
ฝ่ายปติมา เมื่อแพมกลับไปแล้วก็พยายามสร้างบรรยากาศเพื่อใช้เวลาอยู่กันสองคนอย่างมีความสุข
แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่ออินทร์บอกว่าตนนัดลูกค้าไว้แล้วเพราะเห็นว่าเธอมีแพมอยู่ด้วย และพอดีลูกค้าอยู่ที่นี่แล้วออกจากห้องไป ปติมาผิดหวังได้แต่ร้องบอกว่า
“อินทร์คะ อินทร์...คืนนี้คุณรีบกลับมานะคะ เราไปดินเนอร์กันนะคะ”
อินทร์ได้แต่ยกมือให้อย่างรับทราบ ปติมาทรุดนั่งที่โซฟาอย่างสุดเซ็ง
อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 10 วันที่ 2 มิ.ย.62
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ