เรื่องย่อละคร "บ่วง"
ณ ต้นกำเนิดของชีวิต อาจบรรจบกับจุดสุดท้ายของอวสาน เป็นวัฏฏะที่เหล่ามนุษย์ต้องเวียนว่าย และเป็น "บ่วง" คล้องผูกพันกับกิเลสตัณหา ไม่ว่าบ่วงบุญหรือบ่วงกรรม ต่างก็คล้องชีวิตให้ต้องวนเวียนเกิดขึ้นและจบลง หน่วงให้ต้องทุกข์ทนในวังวนและชีวติอย่างมิรู้จบสิ้น
"ศามน" หนุ่มวัยทำงาน ตำแหน่งหน้าที่การงานดี เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาทั้งๆ ที่ยังอายุไม่มาก เขาเกิดที่เมืองไทยแต่ไปเติบโตที่อเมริกา เพราะต้องติดตามพ่อที่ทำงานเป็นทูตอยู่ที่นั่น ศามนเกิดมาพร้อมด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติอย่างที่สาวๆ หลายคนพึงพอใจ แต่เขาเลือกแต่งงานกับ "รัมภา" สาวสวยที่เคยเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน แต่มีคนใจบุญรับเธอมาอุปการะเลี้ยงดูอย่างดี รัมภาเป็นคนเพียบพร้อมทั้งกิริยามารยาทคู่ควรกับศามน สองคนพบรักกันที่อเมริกา และได้แต่งงานกัน และถือว่าเป็นครอบครัวใหม่ ที่อบอุ่นและคอยเติมเต็มให้กันอย่างมีความสุข
วันหนี่งศามนได้รับการติดต่อจากญาติให้เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยด่วย เพื่อมาร่วมงานศพคุณยายทวด และมารับมรดกตกทอดของตระกูลที่บ้านสวนเก่าหลังใหญ่แถบชานเมือง ซึ่งมีเนื้อที่เกือบห้าไร่ เขาตัดสินใจย้ายครอบครัวกลับมาตั้งรกรากที่นี่ และทำเรื่องย้ายจากบริษัทแม่ที่อเมริกา มาประจำสาขาในไทย เพื่อมาอยู่ที่บ้านสวนหลังนี้กับครอบครัว โดยให้รัมภาเป็นแม่บ้านคอยดูแลลูกๆ ที่บ้านสวนแห่งนี้คนภายนอกมองว่าบรรยากาศน่ากลัว เพราะต้นไม้รกครึ้ม ไม่มีใครพักอาศัยอยู่เลย นอกจาก "ตาหล้า" "ยายคำ" และ "บุญสืบ" ลูกชายจอมทะเล้น ข้าเก่าของคุณทวดที่คอยดูและความสะอาดบ้าน ศามนไม่รู้สึกกลัวที่นี่เหมือนคนอื่น เพราะเขาเคยวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ แต่สำหรับรัมภา ความรู้สึกแว๊บแรกตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาที่บ้านสวนแห่งนี้ เธอรู้สึกว่า ที่นี่ดูวังเวง และชวนขนลุก อย่างบอกไม่ถูก ที่เพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก คือหลังจากที่คุณทวดเสียชีวิตลง ศพของท่านยังคงบรรจุใส่โลง ตั้งเอาไว้บนเรือนหลังใหญ่เพื่อรอการเผา รัมภามองรูปหน้าศพรู้สึกว่าคุณทวดมีแววตาแข็งกร้าว ดุดัน แต่เมื่อมองนานๆ เหมือนอุปาทานเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปากของท่าน เมื่อมาถึงที่นี่คืนแรก มีเหตุการณ์ลึกลับที่ทำให้รัมภาต้องอกสั่นขวัญหายเกิดขึ้น ลูกแฝดของเธอหายตัวไปขากห้องนอนที่เรือนใหญ่อย่างไร้เงื่อนงำ คนทั้งบ้านช่วยกันตามหาตัวเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ยายคำคนดูแลบ้านบอกศามนและรัมภาว่าเด็กๆ คงถูกผีลักซ่อน ยายคำเลยให้ทั้งคู่ไปทำพิธีจุดธุปกำใหญ่หน้าโลงศพคุณทวด เพื่อนให้ท่านช่วยดลใจให้เจอเด็กๆ ยายคำเชื่อว่าเด็กแฝดทั้งสองเป็นหลานแท้ๆ ของท่าน ท่านคงไม่น่ามาหยอกล้อแบบนี้ เมื่อปักธูปเสร็จ ทุกคนจึงได้ยินเสียงเด็ก๐ และเจอตัวเด็กๆ เมื่อตอนใกล้เช้าในที่สุด
ไม่เพียงเท่านั้น รัมภามักหูแว่วได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กอันเยือกเย็น ในขณะที่ศษมนกลับหูแว่วได้ยินเสียงท่องมนดำ ขัลงและศักดิ์สิทธิ์ของหญิงคนหนึ่งที่คุ้นหู ทั้งสองต่างเก็บนิมิตเสียงอันแตกต่างเหล่านี้ไว้ไม่บอกกันและกัน
รัตตี้และไลล่าเล่าให้พ่อแม่ฟังว่า ทั้งสองคนไปหาขุมทรัพย์มา ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาถูกใครคนหนึ่งปลุกให้ตื่นกลางดึก และสะกดให้เดินออกจากห้องนอนไปที่เรือนหลังเล็กท้ายสวน ระหว่างทางได้พบกับลูกหมาสีดำตัวหนึ่ง เด็กๆ เหมือนถูกสะกดให้เดินตามลูกหมาตัวนั้นไป มันนำทางให้ทั้งคู่เดินออกมาที่ศาลาท่าน้ำ ลูกหมาตัวนั้นค่อยๆ ตะหายลงไปในน้ำ และจมหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน
ในตอนนั้น เด็กแฝดได้ยินเสียงหญิงชราคนหนึ่งกระซิบข้างหูลงไปในน้ำ เพื่อช่วยลูกหมา แต่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ตรงข้ามพวกเขากลับเห็นหญิงชราหน้าตาใจดีอีกคนโบกมือห้ามไม่ให้ลูกหมาตัวนั้นไป แต่ไม่รู้ทำไมพวกเขาถึงไม่สามาารถขานตอบได้ ตาหล้าและยายคำบอกศามน และรัมภาว่า คุณทวดคงคิดพาโหลน ออกไปเที่ยวจึงดลใจให้ผู้ใหญ่มองไม่เห็นตัวเด็กๆ หลังจากที่คุณทวดเสียชีวิตลง ตาหล้าและยายคำเคยเห็นร่างคุณทวดมานั่งเล่นที่ชานบ้านบ่อยๆ แต่ท่านมาดีเหมือนมาช่วยปกปักรักษาที่นี่ เมื่อทุกคนคุยเรื่องคุณทวดทีไรมักได้กลิ่นธูปหอมลอยมาเสมอ หลังจากที่ศามนและรัมภาพบลูกแฝดแล้ว รัมภาเหมือนหูแว่วได้ยินเสียงหญิงชราหัวเราะเยอะเย้ยหยันเรื่องที่ลูกๆ ของเธอหายตัวไปจนเกือบจะจมน้ำตาย เธอรู้สึกกลัวมากแต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง
ศามนไปทำงานรับตำแหน่งผจก. ในบริษัทคอมพิวเตอร์ข้ามชาติ โดยมี "อนุกูล" เป็นรองผจก. มีวรรณศิกา เป็นเลขา และมี พัชนี พนักงานใหม่เข้ามาเป็นผู้ช่วยวรรณศิกา อนุกูลเป็นเพลย์บอยหนุ่มรูปงาม ท่าทางกรุ้มกริ่มกับสาวๆ จนถูกพัชนีเตือนให้รู้โทษของการผิดศีลห้า นั่นทำให้อนุกูลรู้สกขบขันกับพนักงานใหม่สาวสวยแต่ชอบทำตัวเป็นแม่ชีอย่างพัชนี จนต้องคอยยั่วโมโหและแกล้งพัชนีอยู่บ่อยๆ
วันนั้น อนุกูล วรรณศิกา และพัชนี ติดตามศามนเข้ามาเยี่ยมรัมภาที่บ้านเพื่อช่วยเหลือในฐานถเพื่อนร่วมงานที่ดี พัชนี มีกล้องติดมือมาด้วย จึงถ่ายภาพบ้านของศษมนตามมุมต่างๆ ไว้ เมื่อพัชนีกลับบ้านเอาให้ "ลุงช่วง" ดู ลุงช่วงนั่งทางในพบว่าบ้านหลังใหญ่นั้นมีบ้านหลังเล็กแทรกตัวอยู่ ห่างกันแค่คลองเล็กๆ คั่น ลุงช่วงบอกให้พัชนีติดต่อศามน อย่าให้ใครไปเปิดบ้านหลังเล็ก มิฉะนั้นมนต์ดำของวิญญาณร้ายจะออกมา
แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว ศามนออกไปสำรวจท้ายสวนตามทางที่เด็กๆ บอก จนไปเจอเรือนหลังเล็กสกปรกร้างริมน้ำและถูกล็อกกุญแจแน่นหนา ศามนงัดกุญแจที่มีผ้ายันต์ปิดอยู่ออก ศามนเข้าไปข้างใน เสียงมนต์ดำ เสียงโซ่ที่ถูกลากไปตามพื้น และเสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังไปทั่วจนศามนเป็นลมเป็นแล้ง ก่อนจะตื่นขึ้นมากลายเป็นศามนคนใหม่ที่เฉยชา และขี้หงุดหงุดหงิด
ศามนสงสัยว่าทำไมห้องที่เรือนหลังเล็กต้องมีลูกกรงแน่นหนา จนมารู้ทีหลังว่าที่นี่เป็นเรือนที่คุณทวดหวงมาก ไม่อยากให้ใครมายุ่ง ศามนชอบบรรยากาศที่เรือนหลังเล็กมาก ขณะที่รัมภารู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ที่นี่ ศามนไม่คิดนอนที่เรือนใหญ่ที่ตั้งศพคุณทวดอยู่แต่แรก เขาจึงสั่งตาหล้า ให้ซ่อมแซมและปรับปรุงเรือนหลังนี้เสียใหม่ เพื่อทำเป็นที่พักแทนจากเรือนรกร้างเมื่อตกแต่งใหม่ก็กลายเป็นเรือนหลังเล็กสีขาวน่าอยู่ รัมภาลงทุนทำสระว่ายน้ำเล็กๆ เพื่อให้เด็กๆ ว่ายน้ำเล่นกัน เพราะไม่อยากให้เด็กๆ ลงไปเล่นน้ำที่บึงหลังบ้าน
เมื่อครอบครัวของศามนบ้านมาอยู่ในเรือนหลังเล็ก รัมภาไม่เคยนอนหลับสนิทสักคืน เธอได้ยินแต่เสียงหัวเราะเย้ยหยันของหญิงคนหนึ่งแว่วเข้าหูตลอดคืน อีกทั้งมักฝันเห็นผู้หญิงนุ่งโจงกระเบนสีดำ สวมเสื้อคอกว้างแขนกุดเสมอไหล่ ผมยาวระต้นคอรุ่มร่าม ดูเหมือนผู้หญิงในฝันจะยิ้ม แต่รอมยิ้มแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ความฝันซ้ำๆ ซากๆ ถึงหญิงชราคนนี้ทำให้เธอผวาตื่นยามดึกอยู่บ่อยๆ เธอตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับศามนและขอย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่ศามนกลับคิดว่าเธอหูฝาด และคิดมากไปเอง รัมภาจึงนำความฝันประหลาดนี้ไปเล่าให้ฟัง ไม่ใช่คุณทวดอย่างแน่นอน เพราะคุณทวดไม่เคยไว้ผมยาวรุ่มร่าม ท่านจะตัดผมทรงพุ่มๆ และเกล้ามวยเท่านั้น กลายเป็นความสงสัยของรัมภาว่าคนที่เธอฝันเจอคือใคร
จริงๆ แล้วทั้งเรือนหลังใหญ่ และหลังเล็กแห่งนี้ต่างมีความหลัง แต่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป เพราะคนเก่าแก่ของที่นี่เสียชีวิตไปหมดแล้ว คนที่พอจะรู้ข้อมูลของบ้านสวนแห่งนี้เห็นจะมีเพียง "ยายเพ็ญ" หญิงชราวัย 90 กว่าๆ เพื่อนบ้านที่หลงๆ ลืมๆ เลอะเลือน ยายเพ็ญอาศัยอยู่ที่ละแวกนี้มานาน เคยเข้ามาที่เรือนหลังใหญ่ เพื่อคอยรับใช้ คุณทวดบ่อยๆ ยายเพ็ญมีหลานสาวเปรี้ยวจี๊ดแต่งตัวจัด หน้าตาคมขำชื่อ "เดือนแรม" หรือ "คุณนายเดือน" ตามที่คนละแวกนี้ นิยมเรียก เธออายุมากกว่ารัมภา 2 ปี แต่มีนิสัยแตกต่างจากรัมภาโดยสิ้นเชิง คุณนายเดือนนับเป็นเศรษฐีนีในละแวกนี้ เพราะเธอได้รับมรดกมากมายจากการขายตึกแถวหลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิตลง เดือนแรมเป็นหญิงหม้ายสามีทิ้ง ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเธอรักเงินมากกว่าตัวเธฮ คบกันได้ไม่นานก็ทิ้งเธอไปหมด ปัจจุบันจึงมีแต่สาวใช้จอมกระแดะปัญญาน้อยนิดชื่อ "ทองดี" เป็นผู้ติดตาม
ด้วยความเป็นคนอยากรู้อยากเห็นของเดือนแรม เมื่อมีเพื่อนบ้านมาอยู่ใหม่อย่างครอบครัวของศามน และรัมภา เธอก็อดไม่ได้ที่จะไปทำความรู้จัก และเล่าเรื่องราวต่างๆ นานา ตามที่เคยได้ยินมาจากยายเพ็ญเกี่ยวกับบ้านสวนแห่งนี้ให้รัมภาฟัง แรกๆ รัมภาก็รู้สึกดีที่มีเพื่อนคุย แต่บ่อยๆ เข้าเธอก็เริ่มรำคาญ เพราะเดือนแรมเป็นคนพูดมากและไม่มีกาลเทศะ เดือนแรมเล่าให้ฟังว่า เคยได้ยินมาว่า ในอดีตเรือนหลังเล็กแห่งนี้เคยมีคนบ้าถูกขังไว้ รัมภาจึงให้เดือนแรมพาไปหายายเพ็ญ เพราะอยากรู้ที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้
เดือนแรมเข้ามาพัวพันกับครอบครัวนี้บ่อยๆ จนเริ่มคุ้นเคย วันหนึ่งรัมภาฝากให้เดือนแรมเฝ้าบ้านให้ เดือนแรมเผลอนอนกลางวัน และเคลิ้มเห็นผู้หญิงคนเดียวที่รัมภาเคยฝันเห็น คือหญิงสาวคมขำ ผมประบ่าเหน็บหูเรียบร้อย สวมเสื้อคอกลมแขนกุด นุ่งผ้าโจงสีสวยงาม ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้เดือนแรม และกระซิบข้างหูเธอซ้ำๆ ว่า "จำเอาไว้ ฉันจะช่วยแก" ในฝันภาพหญิงคมขำ ผมประบ่าที่เห็นตอนแรก ค่อยๆ กลายเป็นผู้หญิงผมรุ่ยร่าย ผ้าโจงกลายเป็นสีดำ แววตาน่ากลัวเหมือนคนบ้า เธอจึงสะดุ้งตื่นเพราะนึกว่า โดนผีอำและมาเล่าเรื่องนี้ให้รัมภาฟัง รัมภาตกใจที่เดือนแรมฝันเห็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เธอเคยฝัน เธอเล่าเรื่องนี้ให้ศามนฟังอีกครั้ง เขายังคงเชื่อว่าเธอคิดมากไปเองเหมือนเดิม
เดือนแรมไปมาหาสู่ที่นี่บ่อยครั้ง จนวันหนึ่งศามนเลิกงานเร็วกว่าปรกติ เขาได้มาเจอเดือนแรมที่มาช่วยเฝ้าบ้านให้โดยบังเอิญ ครั้งแรกที่เดือนแรมเจอเขา เธอรู้สึกพึงพอใจในตัวศามน ส่วนศามนไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเดือนแรม แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เดือนแรม เขามักได้ยินเสียงท่องมนต์ของใครคนหนึ่ง และมักเห็นเงาหญิงสวย แววตายั่วยวนคนหนึ่งซ้อนอยู่ในตัวเดือนแรม
คืนหนึ่งรัมภาเคลิ้มฝัน เห็นผู้หญิงคมขำผมประบ่าคนเดิม ท่าทางเกรี้ยวกราดดุดันชะโงกหน้ามาหา และเอานิ้วจิ้มหน้าผากเธอ สักพักพบว่าตัวเองลอยละลิ่วไปยืนกลางสะพานหน้าบ้าน และเห็นผู้หญิงอีกคนที่มีใบหน้าเศร้า และกลายเป็นรูปคุณทวดหน้าศพท่าทางเกรี้ยวกราดวิ่งตาม ทำท่าจะตะครุบตัวเธอ และร่างนั้นก็หายวับไปรัมภาสะดุ้งตื่นเล่าความฝันให้ศามนฟัง เขาก็รับฟังแต่รู้สึกเอือมระอาและหนักใจ ที่รัมภามีอาการจิตหลอนมากขึ้นทุกวัน ศามนสังเกตว่าตั้งแต่ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่ที่นี่ รัมภามีอาการผิดไปจากครั้งที่อยู่ด้วยกันที่เมืองนอก เธอมักหวาดผวากับบางสิ่งบางอย่าง แม้แต่เมื่อเขาไปยืนใกล้ๆ เธอยังสะดุ้งจนตัวลอย ศามนอยากพบเธอหลบพ้นจากบรรยากาศที่บ้านสวน จึงให้วรรณศิกาช่วยเป็นธุระรัมภาพาลูกๆ ไป
ลุงของพัชนีที่เป็นคนธรรมะธรรมโมนั่งสมาธิมานาน สามารถนั่งทางในเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจเห็นได้ ลุงช่วงบอกความจริงที่น่ากลัวให้กับรัมภาว่า บ้านสวนของเธอทั้งเรือนใหญ่และเรือนเล็กต่างมีวิญญาณเป็นหญิงแก่สองคนสิงสถิตอยู่ ที่เรือนหลังใหญ่มีวิญญาณดีวนเวียนอยู่ไม่ยอมไปเกิดใหม่ เพราะเป็นห่วงลูกหลาน แต่ที่เรือนหลังเล็ก มีวิญญาณร้ายวนเวียนอยู่เพราะต้องการจองเวรรัมภา วิญญาณร้ายเป็นโอปปาติกะที่มีความพยาบาทอาฆาตแรงมาก จนเป็นบ่วงร้อยรัดเธอไว้ไม่ยอมไปผุดไปเกิด แต่ลุงช่วงไม่สามารถติดต่อกับวิญญาณร้ายได้ จึงไม่รู็ว่าเธอต้องการจองเวรรัมภาเรื่องอะไร
ลุงช่วงบอกว่าพลังของวิญญาณร้ายไม่ยอมรับบุญกุศลหรือคำแผ่เมตตาที่รัมภาส่งไปให้ เธอไม่ยอมอโหสิกรรม และไม่ยอมพ้นจากบ่วงกรรมที่เคยแค้นไว้แต่ชาติปางก่อน ลุงช่วงแนะนำให้รัมภาหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทั้งแก่วิญญาณทั้งสองบ้าน เพื่อให้เลิกจองเวรกรรมต่อกัน เพราะกรรมของใครก็ของคนนั้น คนอื่นช่วยไม่ได้ นอกจากต้องพยายามหาทางช่วยตัวเอง รัมภาจึงนิมนต์เจ้าอาวาสวัดใกล้บ้านมาทำพิธีบังสกุลที่เรือนหลังใหญ่ แต่ก้ไม่เป็นผล เธอยังคงฝันร้าย และพบกับสิ่งลี้ลับแปลกๆ ที่บ้านสวนแห่งนี้ตลอด
หลังๆ เดือนแรมเริ่มเข้ามาตีสนิท และพยายามให้ท่าศามนอยู่บ่อยๆ ในขณะเดียวกัน รัมภาเริ่มมีอาการหวาดผวาหนัก ไม่สามารถหลับนอนกับศามน และเริ่มติดยากล่อมประสาท ศามนยิ่งเครียด และเริ่มหวั่นไหวต่อเดือนแรม
อนุกูลรู้สึกสงสารรัมภา เขาพาตัวเองเข้ามาแทนที่ศามน เป็นเพื่อนสนิทรัมภา และทำตัวทดแทนพ่อให้เด็กแฝด โดยแอบหวังว่า จะทำให้ศามนหึงและกลับมาเป็นครอบครัว แต่ผลออกมาตรงกันข้าม ศามนยิ่งรังเกียจรัมภาถึงขั้นทะเลาะกัน และยังทำให้ความสัมพันธ์ของอนุกูลเองและพัชนีที่เพิ่งเริ่มต้น ง่อนแง่น ระส่ำระสาย
ในที่สุดศามนอดใจไม่ไหวแอบมีอะไรกับเดือนแรม เมื่อวันที่รัมภาและลูกๆ อยู่ที่หัวหินกับวรรณศิกา เดือนแรมร้อนแรง และมีเสน่ห์ดึงดูดให้เขาสามารถลืมเมียและลูกได้ ทุกครั้งที่เขามีอะไรกับเธอ เขาจะรู้สึกว่าทั้งตัวเขาและเธอไม่ใช่ตัวเองแต่กลายเป็นคนอื่น โดยเฉพาะเมื่อเขาอยู่ใกล้เดือนแรม เขามักจะได้กลิ่นแป้งร่ำน้ำอบไทยจากตัวเธอเสมอ เมื่ออยู่กันสองต่อสองที่เรือนเล็ก ศามนมักได้ยินเสียงกระซิบแว่วข้างหูเรียกเขาว่า "คุณพระ" เสียงนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนมีใครอีกคนแทรกอยู่ในตัวเอง และเมื่อเขาแวบนึกถึงลูกเมีย ความรู้สึกนั้นจะเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังลูกเมียในทันที เขารู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ของอำนาจอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้าศามนกลับไปที่เรือนใหญ่หรืออยู่ต่อหน้ารูปคุณทวด เขาจะรู้สึกประหลาดเหมือนกับตัวเองจะแยกร่างเป็นสองร่าง อึดอัดจนอยากเป็นลม แต่สำหรับเดือนแรม ทุกครั้งที่ได้นอนที่เรือนหลังเล็ก เธอมักรู้สึกเคลิ้มเห็นผู้หญิงกระโจงหม่นคนเดิมมายืนข้างเตียงเสมอ พร้อมเสียงแว่วให้เธออยู่ที่นี่เพื่อช่วยแก้แค้นเหมือนเดิม
วรรณศิกา อนุกูล และพัชนีเข้ามาช่วยรัมภา โดยวางแฝนให้ศามนดื่มน้ำมนต์ที่ลุงช่วงนำมาให้ศามนเป็นลมทันที เหมือนสัตว์ถูกทำร้าย ดังทั่วเรือนเล็ก
วิญญาณร้ายไม่หยุดเพียงแค่นั้น เสียงกระซิบยามค่ำคืน ขณะฝันพาเดือนแรมไปพบกับหมอผีอีกคนหนึ่ง ชื่อ "อาจารย์ชู" อาจารย์ชูจัดการทำเสน่ห์ให้ศามนและเดือนแรมกลับมารักกันอีกครั้ง คราวนี้ศามนดูกราดเกรี้ยวถึงกับดุดัน และรำคาญลูกแฝดของตน อนุกูลจังพาเด็กแฝดของตน อนุกูลจึงพาเด็กแฝดไปอยู่บ้านวรรณศิกา ไลล่าทำใจไม่ได้ ด้วยความคิดถึงพ่อ จึงชวนรัสตี้หนีออกจากบ้านวรรณศิกา ในที่สุดเด็กแฝดหลงทาง หายไปนอนเร่ร่อนอยู่ริมถนน โชคดีที่พัชนี และอนุกูลไปพบก่อนที่จะได้รับอันตราย
ลุงช่วงเห็นว่าไม่ได้การ จึงมาที่บ้านสวนเพื่อค้นหาคุณไสยที่แอบซ่อนอยู่ แต่เมื่อลุงช่วงเข้าไปในเรือนเล็กก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ลุงช่วงเกิดลื่นหกล้มเหมือนมีใครผลัก ลุงช่วงขาหักต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาล ไม่สามารถช่วยรัมภาได้อีก
ความหลงในมนต์ดำของเดือนแรม มีแต่ฉุดให้ศามนเปลี่ยนเป็นคนละคนและทำตัวตกต่ำลง เขาถึงขอเลิกกับรัมภา และทิ้งลูกๆ ไปเพราะแรงยุของเดือนแรม เขามัวแต่ขลุกอยู่กับเดือนแรมจนไม่สนใจการงาน และโดนไล่ออกไปในที่สุด เพียงแค่ไม่กี่เดือนที่ศามนรู้จักกับเดือนแรม เขาได้ตกลงไปในห้วงเหวของราคะ ที่กลายเป็นบ่วงคล้องเขาเอาไว้ มโนธรรม และความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาถูกฝังให้จมหายไป และถูกกลบเอาไว้อย่างแน่หนาด้วยกิลสราคะที่เดือนแรมก่อขึ้น
เมื่อรัมภารู้ความจริงว่าศามนแอบคบกับเดือนแรม เธอเสียใจมากถึงกับขนของย้ายออกมาจากเรือนหลังเล็ก และพาลูกแฝดไปฝากวรรณศิกาเลี้ยง ในขณะที่เดือนแรมขนของเข้าไปอยู่ที่เรือนหลังเล็กแทนที่เรียบร้อย รัมภาเสียใจและเครียดมาก อนุกูลดูแลรัมภาและเด็กทั้งสอง ความผูกพันใกลิ้ชิด ทำให้อนุกูลเริ่มอ่อนไหวกับรัมภาด้วยความจริงใจไม่ใช่แกล้ง ทำให้พัชนี เสียใจมาก คิดตัดใจจาอนุกูล
เมื่อนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล รัมภาเคยฝันว่า ตัวเองมาอยู่ที่เรือนหลังใหญ่ เธอได้ยินเสียงและสัมผัสพลังเร้นลับที่เธอบอกว่า " อย่ายอมแพ้ ให้สู้กัยมันให้ได้" แต่บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนว่า ตัวเองถูกทำอำนาจลึกลับบางอย่างคุกคามอยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว ฝันร้าย บางทีเธอไม่ยอมนอนหลับ เพราะกลัวความฝัน จนหมอต้องให้กินยากล่อมประสาทให้เธอได้หลับเพื่อลืมทุกสิ่ง เมื่อเธอมารักษาตัวที่โรงพยาบาล ศามนมัวแต่กกกอดเดือนแรม ไม่เคยสนใจมาเยี่ยมเธอสักครั้ง
ที่มา www.ละครย้อนหลัง.com
นักแสดงในเรื่อง บ่วง
โฬม พัชฏะ นามปาน รับบท ศามล/พระภักดีบทมาลย์ ในละครเรื่อง บ่วง
ริต้า ศรีริต้า เจนเซ่น รับบท รัมภา/คุณชื่นกลิ่น ในละครเรื่อง บ่วง
นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา รับบท ผีอีแพง ในละครเรื่อง บ่วง
เหมียว ชไมพร จตุรภุช รับบท คุณหญิงอบเชย ในละครเรื่อง บ่วง
โป๊บ ธนวรรนธ์ วรรธนะภูติ รับบท อนุกูล/นายกล้า ในละครเรื่อง บ่วง
เอสเทอร์ - พัชนี ในละครเรื่อง บ่วง
ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิตร รับบท เดือนแรม ในละครเรื่อง บ่วง
มี้-พิศมัย วิไลศักดิ์ ในละครเรื่อง บ่วง
พิมแข กุญชร ณ อยุธยา ในละครเรื่อง บ่วง
ก้อย-นฤมล พงษ์สุภาพ ในละครเรื่อง บ่วง
หยา-จรรยา ธนาสว่างกุล ในละครเรื่อง บ่วง