อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 12(ตอนอวสาน) วันที่ 9 มิ.ย.62

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 12(ตอนอวสาน) วันที่ 9 มิ.ย.62

กอดคอกลินท์ถามว่าหึงน้องขนมกล้วยหรือ กลินท์ถาม กลบเกลื่อนว่าหึงทำไม

“โห! ไม่หึง...นี่ลินท์ไม่คิดอะไรกับผมเลยเหรอ”

“ไม่เลยซักนิด...”

กลินท์ตอบยิ้มๆ แต่ทำเอาเบนหน้าเจื่อน ถามตัดพ้อว่าไม่หึงจริงอะ? กลินท์บอกว่าไม่หึงเพราะไว้ใจเขา ถามว่าแล้วเขาล่ะไว้ใจตนหรือเปล่า เบนมองหน้ากลินท์สายตาเต็มไปด้วยคำถาม กลินท์กลับบอกว่า

“ลินท์อยากไปหาพี่ติ๊ อยากคุยเรื่องอินทร์”



เมื่อสายป่านไปถึงคอนโดฯของเบน มีโทรศัพท์จากสร้อยสังวาลเข้า กำลังจะรับก็เปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อเห็นอินทร์ขับรถเข้ามา จึงรีบลงจากรถ สร้อยสังวาลเครียดที่สายป่านไม่รับสายตัดสินใจเดินออกจากร้าน

เบนเห็นอินทร์เดินตรงมาที่รถกลินท์สายป่านเดินตามมาหน้าตาเลิ่กลั่ก กลินท์เห็นอินทร์ก็รีบไปยืนข้างเบน แต่อินทร์ไม่ได้มองกลินท์เลย เขาตรงมาหาเบนเอ่ยสั้นๆ แต่ทำเอาทุกคนอึ้ง

“ผม...มาขอโทษคุณแทนติ๊...ติ๊ไม่ได้ตั้งใจขับรถชนคุณจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจชนลินท์ด้วย ติ๊เขาโกรธผม...อย่าเอาเรื่องติ๊เลยนะเบน...ผมขอร้อง”

ทุกคนเงียบ เบนกับอินทร์มองหน้ากันอย่างลูกผู้ชายแท้จริง!

แต่กลินท์อยู่ที่คอนโดฯก็ได้พบเห็นเงาร่างของชายที่น่าเกลียดน่ากลัวร้องกรี๊ดจนสายป่านตกใจวิ่งมาดูแต่ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว คิดว่ากลินท์คงมีอะไรที่เหนือธรรมชาติอีกแล้ว ถามว่าทุกอย่างมันจบแล้วไม่ใช่หรือ

“ตอนแรกก็คิดว่าจบ แต่ตอนนี้ฉันสังหรณ์ว่า...มันยังไม่จบ”

กลินท์คิดว่าสิ่งแปลกๆที่ตนเจอนั้นเป็นเพราะตนยังไม่ได้ไปขอขมาปติมา ดังนั้นวันรุ่งขึ้นจึงไปหาปติมาพร้อมพวงมาลัยพวงใหญ่ที่ห้องกายภาพที่โรงพยาบาล

พอเห็นกลินท์ ปติมาก็มองอย่างไม่วางใจว่าจะมาไม้ไหน เห็นเบนเดินตามกลินท์เข้ามาก็ยิ่งระแวง

แต่จากสายตาอ่อนโยนของกลินท์และเบนทำให้สถานการณ์ผ่อนคลาย กลินท์เอ่ยขึ้นว่า “ลินท์มาขอโทษพี่ติ๊ค่ะ” พร้อมกับก้มกราบที่เท้า ปติมารีบประคองกลินท์ขึ้น กลินท์ยื่นพวงมาลัยให้ พูดจริงใจว่า

“ลินท์มาขอโทษพี่ติ๊จากหัวใจ ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไรก็ตาม แต่ที่ผ่านมาลินท์ผิดเองค่ะ ที่เห็นผิดเป็นชอบ จนเรื่องราวมันบานปลายใหญ่โต พี่ติ๊อภัยให้ลินท์ได้ไหมคะ”

“ได้สิ”

ปติมายิ้มอ่อนโยนรับพวงมาลัยจากกลินท์ กลินท์ไหว้ขอบคุณที่อกปติมา ปติมากอดกลินท์ บอก

“พี่ก็ทำเพื่อตัวพี่เอง เพราะถ้าพี่ไม่ปล่อย...พี่ก็ทุกข์ พี่ไม่อยากทุกข์” มองเบนแล้วเอ่ย “อภัยให้พี่ด้วยนะเบน พี่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเบนจริงๆ”

เบนบอกว่าคุณอินทร์มาบอกตนและขอโทษตนแทนพี่ติ๊แล้ว และขอให้ตนอย่าเอาเรื่องพี่ติ๊ พูดจากใจว่า

“แต่ถึงคุณอินทร์ไม่ไป ผมก็รู้สึกว่าพี่ติ๊ไม่ได้ตั้งใจ”

“สำหรับคุณอินทร์ ยังไงพี่ติ๊ก็คือที่สุดค่ะ” กลินท์เอ่ย เบนบอกว่าคุณอินทร์ยังแอบบอกตนว่า...แต่ไม่ทันพูดเสียงอินทร์ก็ขัดขึ้น พลางเดินเข้าประคองปติมายิ้มกว้าง

“ไม่ต้องแอบแล้ว ผมขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ขอโทษลินท์ด้วย แต่ต่อจากนี้ผมสัญญาจะดูแลคุณให้ดีที่สุด กลับบ้านเราด้วยกันนะติ๊”

“ติ๊รอคำนี้มานานนนน...นานมากๆเลยล่ะอินทร์” แพมตอบแทนปติมาที่ยิ้มปีติจนพูดไม่ออก

“ขอบใจมากนะแพมที่ดูแลติ๊อย่างดี” อินทร์ขอบใจแพมและกอดปติมาไว้แน่นแทนคำสัญญาทุกคนยิ้มมองกันอย่างมีความสุข

แต่พริบตานั้นไฟก็ดับพรึ่บ สายป่านร้องกรี๊ดชี้ไปที่มุมหนึ่ง ทุกคนหันมองเห็นสิงห์มองมาด้วยสายตาอาฆาต กลินท์ตกใจถามว่านายสิงห์มาที่นี่ได้ยังไง สิงห์ยิ้มร้ายบอกว่า

“มาตอนที่มึงหนีออกจากประตูท้ายเวียงไงล่ะ”

กลินท์นึกได้ว่าตอนที่ตนแยกจากหลุยส์วันนั้นได้ยินเสียงหลุยส์ตะโกนแต่ไม่ทันได้ยินชัด ที่แท้หลุยส์ตะโกนบอกกลินท์ว่า “เทียนคำระวังข้างหลังคุณ” เพราะหลุยส์เห็นสิงห์วิ่งตามกลินท์ออกไป!

กลินท์สงสัยว่าสิงห์ตามตนมาถึงโลกปัจจุบันได้ยังไง สิงห์พูดเหี้ยมว่า “ต่อให้มึงหนีไปไหนก็จะตามไปล้างแค้นสิ่งที่มึงทำกับกู” กลินท์บอกว่าตนไม่ได้ทำอะไรนายสิงห์ แต่สิงห์ไม่เชื่อ เพราะหลังจากเขาถูกไล่ออกจากคุ้ม ไพคาก็เอาห่อข้าวไปให้สิงห์ที่ถ้ำบอกว่าเทียนคำฝากมาให้ซ้ำบอกว่า

“ข้ารู้ว่าเอ็งมีใจให้อีเทียนคำ ถึงข้าจะเกลียดมันแค่ไหนข้าก็อยากทำเพื่อเอ็ง” ไพคาบอกสิงห์ให้กินข้าวที่เทียนคำฝากมาเสียจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องเจ้านางไล่ออกมาอยู่ถ้ำ

แต่พอสิงห์แกะห่อข้าวก็แค้นจนบีบกะโหลกจนแตก ด่าลั่น

“อีผีร้าย อีนรกเทียนคำ มึงต้องตาย...มึงทำให้มนตร์กูเสื่อม ทำให้ชีวิตกูวิบัติฉิบหาย”

กลินท์ถามว่าสิ่งที่นายสิงห์ทำนี่หรือที่เรียกว่ามนตร์เสื่อม รู้ตัวไหมว่านายสิงห์น่ะตายไปแล้ว

เหตุการณ์ในอดีตคือเจ้าวงเดือนเห็นว่าหากปล่อยสิงห์ไว้อาจเป็นอันตรายกับตน จึงบอกสิงห์ว่าเขาถูกเทียนคำทำมนตร์ดำใส่และแทงฆ่าสิงห์ด้วยมือตนเอง ก่อนตายสิงห์อาฆาตว่า “ต่อให้ตายกลายเป็นผี กูก็จะจองล้างจองผลาญพวกมึงทุกคน”

 กลินท์แอบดูอยู่ พอเจ้าวงเดือนกับไพคาไปแล้วก็เดินไปนั่งข้างศพนายสิงห์เอามือปิดตานายสิงห์ให้ตายตาหลับ ไหว้ขออโหสิกรรม...“อโหสิกรรมให้ฉันด้วยนะนายสิงห์”

สิงห์จึงรู้ว่าตัวเองตายแล้วจริงๆ แผดเสียงอย่างเคียดแค้นท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน

เบนถามว่าเขาเป็นใคร กลินท์บอกว่านายสิงห์เป็นวิญญาณที่โดนพี่ติ๊ฆ่าตายเมื่อชาติที่แล้ว

อินทร์ขอให้ไปผุดไปเกิดเถิด พวกเราจะทำบุญไปให้

“ไม่! กูจะฆ่าพวกมึงให้หมดทุกคน” เสียงนายสิงห์ตะโกนก้อง

ปติมาขอให้ตนตายคนเดียวถ้าตนเป็นคนฆ่านายสิงห์ กลินท์ก็ให้เอาชีวิตตนไปเพราะตนเป็นคนทำให้นายสิงห์ต้องกลายเป็นแบบนี้ แม่ชีธารทองติงว่า ถ้าฆ่ากันชาตินี้ก็ต้องตามไปชดใช้กรรมกันอีกกี่ภพกี่ชาติ สร้อยสังวาลมาถึงบอกให้นายสิงห์หยุดสร้างเวรสร้างกรรมเถอะ

กลินท์ให้ฆ่าตนเสียถ้าทำให้นายสิงห์หมดทุกข์ เบนและทุกคนไม่ยอม และนายสิงห์ก็ไม่ยอมบอกว่าตนจะเอาชีวิตของพวกมันทุกคน แต่จังหวะที่นายสิงห์โผนเข้าไปก็ถูกเงาดำมากมายดึงนายสิงห์ไว้จากพื้นห้องที่แตกทะลุเห็นข้างล่างเป็นเปลวไฟ แล้วมือที่ดึงร่างนายสิงห์ก็ค่อยๆหายไป นายสิงห์ร้องไม่ยอมไปแต่ในที่สุดร่างนายสิงห์ก็ถูกดึงหายไปต่อหน้าทุกคน แล้วพื้นห้องก็กลายเป็นพื้นปกติ แม่ชีธารทองพูดกับสร้อยสังวาลว่า

“สุดท้ายก็ไม่มีใครล่วงพ้นความตายไปได้”

สายป่านขอโทษสร้อยสังวาลที่วันนั้นไม่ได้รับสาย สร้อยสังวาลบอกว่าไม่เป็นไร แต่เจ้าพ่อน้ำทิพย์ให้ตนมาเตือนเพราะเห็นวิญญาณอาฆาตตามกลินท์มาด้วย ตนคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้จึงเชิญแม่ชีมาด้วย เมื่อเสร็จธุระแล้วจึงชวนกันกลับ เบนถอนใจโล่งอกที่เรื่องร้ายๆจบเสียที ถามสายป่านว่าเน่ากลับมาหรือยัง

เน่าไปทำความเข้าใจกับหนิมแล้ว กลินท์ให้สายป่านไปบอกสิ่งที่ตัวเองรู้สึกกับเขาและฝากเป็นตัวแทนขอบคุณแทนตนด้วย สายป่านเอาช่อดอกไม้ไปหาเน่า บอกว่ามีเรื่องจะบอก เน่าก็มีเรื่องบอกว่าตนจะแต่งงานกับหนิมแล้ว สายป่านอึ้งเลยแสดงความยินดีด้วย

ที่แท้สายป่านจะไปบอกเน่าว่าตนมีความรู้สึกกับเขาอย่างไร แต่สุดท้ายก็รู้ว่าตนมโนไปฝ่ายเดียว จึงถอย กลินท์ปลอบว่าตนเชื่อว่าชีวิตถูกลิขิตไว้หมดแล้ว อะไรที่เป็นของเราเดี๋ยวมันก็จะมาเองแหละ

กลินท์กับเบนจัดโรงทานเฮือนน้ำใจ ทุกคนในงานแต่งกายด้วยชุดล้านนา ดุษฎี สรวงกับแม็คยกอาหารหม้อใหญ่มาร่วมงาน สายป่านกับแม็คยืนมองบรรยากาศรอบๆอย่างมีความสุข ทั้งสองประสานสายตากันอย่างจัง เหมือนขั้วแม่เหล็กที่ดูดเข้าหากัน แม็คยิ้มสดใสให้ ทำเอาสายป่านยิ้มเขินไปเลย

อินทร์ดูแลปติมาอย่างดี เร่งให้หายเร็วๆ จะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกันและตนอยากได้เจ้าตัวน้อยให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ด้วย ทั้งสองกอดกันอย่างมีความสุขและเปี่ยมด้วยความหวัง

ที่หน้าประตูท่าแพ เบนถามกลินท์จะกลับไปอีกไหม กลินท์ว่าไม่ เพราะจากวันนี้ชีวิตตนจะมีแต่ปัจจุบัน

“การไม่ยึดติด การปล่อยวางมันทำให้ชีวิตมีความสุขมากแค่ไหน...คุณเห็นหรือยัง”

“กว่าจะเห็นก็ทำเอาฉันสะบักสะบอม แต่มันก็คุ้มที่ฉันได้เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง จนปล่อยวางมันได้ ตอนนี้ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน จะมีพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ฉันก็มีความสุขได้ เพราะใจฉันมีความสุข แล้วใจฉันก็มีคุณค่ะ...เบน”

********อวสาน********

อ่านละคร เพลิงพรางเทียน ตอนที่ 12(ตอนอวสาน) วันที่ 9 มิ.ย.62

ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทประพันธ์โดย หัสวีร์
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน บทโทรทัศน์โดย ปานตะวัน
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ผลิตโดย บริษัท กู้ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ควบคุมการผลิตโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ที่มา ไทยรัฐ